Everton 0 – 2 Liverpool

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แชมเปี้ยนส์ลีก : เดเบรเซ่น 0 -1 ลิเวอร์พูล




วันพฤหัสมีถ่ายทอดสดฟุตบอลให้ดูแล้วเมื่อ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ตกต่ำสุดขีดหล่นไปเล่นยูโรป้า ลีกที่ประเดิมเปลี่ยนชื่อเป็นปีแรกหลังฟิออเรนติน่าเปิดบ้านเอาชนะลียงทำให้ประตูโทนของดาวิด เอ็นก็อก ไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น

แชมเปี้ยนส์ลีก

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2552

เดเบรเซ่น 0 -1 ลิเวอร์พูล

ประตู : 0-1 เอ็นก็อก น.4

ครึ่งแรก

หลังลิเวอร์พูล นวดอยู่พักนึงแค่ นาทีก็มาขึ้นนำจากจังหวะที่มาสเคราโน ่ เตะมุมสั้นแล้วเคาะให้ออเรลิโอ เปิดบอลโด่งอยู่กลางอากาศเข้าเขตโทษเหมือนจะเล่นยากแต่คาร์ราเกอร์ โขกตรงระยะ 6 หลาลงพื้นเป็นเอ็นก็อก แอบสอดดีดด้วยข้างเท้าบอลกลิ้งชนเสาเข้าไป ทีมเยือนนำแล้ว 1-0

เดเบรเซ่นต้องเป็นฝ่ายไล่บอลเข้าหาอย่างเดียวส่วน"หงส์แดง"เก็บบอลต่อบอลกันได้เนียนกว่าและยิ่งนำเร็วแบบนี้ยิ่งเข้าแท็คติกส์ราฟาเอล เบนิเตซไปอีก

นาที 15 ออเรลิโอ ยิงไกลติดไซด์บอลแป๊กหลุดกรอบแต่ไปเข้าทางเคาท์ ที่ยืนแอบอยู่เสาสองแต่พี่ท่านตกใจบอลลอดดากออกหลังไปเอง

ลิเวอร์พูล เล่นค่อนข้างสบายเพราะเดเบรเซ่นหน้าไม่มีเลยเวลาบอลล้นมาก็จะเก็บกินหมดส่วนเกมรุกก็เคาะเรื่อยๆแต่พอจังหวะสุดท้ายเสียกันไปเองเนื่องจากแนวรับเจ้าถิ่นยืนกันค่อนข้างเยอะ

นาที 28 เอ็นก็อก เกือบยิงลูกสองให้ตัวเองหลังเคาท์ ลากตัดมาหน้าเขตโทษแล้วจ่ายไซด์ก้อยให้แข้งดาวรุ่งฝรั่งเศสจับก่อนแต่งเข้าขวาแล้วยิงบอลก๋องโพเลคซิคล้มตัวปัดก่อนที่กองหลังจะมาเคลียร์ทิ้งออกหลัง

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ฟิออเรนติน่าขึ้นนำลียง 1-0 จากจุดโทษของวาร์กาสโดยที่โฆษกสนามในเกมที่ฮังการีได้ประกาศก้องจนราฟาเอล เบนิเตซหน้าถอดสีทันที

นาที 33 ทีมเยือนเกือบพังง่ายๆหลังบอดนาร์เปิดบอลจากปีกขวาย้อยมาที่จุดนัดพบระยะ 6 หลาแต่รูดอล์ฟโขกไม่เต็มหัวบอลแป๊กออกหลังอย่างน่าเสียดาย

เอ็นก็อก ยิ่งเล่นยิ่งดีนาที เคาท์ ลากตัดเข้าในแล้วฝากบอลให้เจอร์ราร์ด ที่หันหลังพิงตัวประกบตรงหน้าเขตโทษแล้วเหมือนจะเสียจังหวะบอลทะลักไปถึงเอ็นก็อก ที่วิ่งมาซัดอ้อมตัวกองหลังร้อนถึงโพเลคซิคบินปัดสองมือออกหลัง

จากนั้นหมดครึ่งแรกลิเวอร์พูล นำ 1-0 พร้อมสีหน้าหงอยๆของนักเตะ เดินเข้าห้องแต่งตัว

ครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูล เหมือนถูกสั่งมาให้เล่นเพื่อแฟนบอลแม้จะรู้สกอร์ฟิออเรนติน่านำไปแล้วก็ตามเรียกว่าเปิดฉากมาปูพรมยำใหญ่อยู่ข้างเดียวแต่ยังได้แค่เสียวเท่านั้น

นาที 58 ลูคัส แทงบอลให้เจอร์ราร์ด หลุดเข้าไปส่องในกรอบระยะ 8-9 หลาแต่เมสซารอสล้มตัวสไลด์บล็อกทันควัน

จากนั้นนาทีเดียวหลังลูกเตะมุมถูกเคลียร์ไม่ขาด"หงส์แดง"เกือบได้อีกจากจังหวะที่เคาท์ ไหลจากริมกรอบโทษตั้งให้จอห์นสัน ที่ป้ายต่ออีกทอดให้"หัวขิง"ล้มตัวแปด้วยอีซ้ายแต่โพเลซิคล้มตัวปัดได้อีก

เลยหนึ่งชั่วโมงมา 3 นาทีลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูอีกครั้งจากลูกที่เคาท์ เปิดครอสให้ลูคัส กระโดดโขบอลโดนตรงข้างหัวเด้งออกหลังไป ท่าทางค่าพลังหัวยังไม่เยอะเท่าไหร่

นาที 68 แอกเกอร์ ขอมันทิ้งท้ายด้วยคนหลังกระชากฝ่าดงตีนหลบสองแข้งเจ้าถิ่นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วตวัดตบบอลตั้งให้เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงติดไซด์ข้ามคานออกไปแบบน่าเข้าสุดๆ

อีก 7 นาทีต่อมาทีมเยือนได้เสียวอีกจากจังหวะครอสบอลทางปีกขวาของเคาท์ ให้ออเรลิโอ เทคตัวโขกตัดหน้ากองหลังตรงระยะ 7-8 หลาแต่โพเลคซิคล้มตัวรับเข้ามือทันควัน

ก่อนหมดเวลา 9 นาทีลิเวอร์พูล เกือบโดนหลังรูดอล์ฟกระชากขึ้นมาทางกรอบโทษฝั่งขวาแล้วทำท่าเหมือนจะเปิดแต่หลอกยิงมุมแคบที่เสาแรกยังดีที่เรน่า รู้ทันประสานมือชกออกหลังเสียเตะมุม

ช่วงท้ายเกมนักเตะ ลิเวอร์พูล ต้องลงมาช่วยตั้งรับเพราะเดเบรเซ่นเหมือนได้ใจจะเอาแต้มฝากแฟนบอลแถมเกือบ 1-1 แต่ลูกตั้งยิงเหน่งๆของคูลิบาลีย์ตรงจุดโทษแบบไร้ตัวกระกบดันยิงไปตรงตัวเรน่า ที่เซฟด้วยขาเหลือเชื่อและสุดท้ายทำอะไรกันไม่ได้หมดเวลา"หงส์แดง"ชนะหืดจับ 1-0 แต่ตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้สิทธิ์ไปลุยยูโรป้า ลีกอย่างหมองเศร้าสุดๆ

รายชื่อนักเตะ ทั้งสองทีม

เดเบรเซ่น : โพเลคซิค 7,บอดนาร์ 6,เมสซารอส 6,มิยาดินอสกี้ 5,โฟดอร์ 5,เซเลซี่ 5,คิสส์ 5,ซาคาลีย์ 5(คูลิบาลีย์ น.62,5),ซวิตโควิคส์ 5,ลัคซ์โก้ 6,รูดอล์ฟ 7

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6,เกล็น จอห์นสัน 6,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6,เอมิเลียโน่ อินซัว 6,ลูคัส เลว่า 5,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ่ 7,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6(ดอสเซน่า น.88),เดิร์ก เคาท์ 5,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6(อคิลานี่ 90+2),ดาวิด เอ็นก็อก 8 *(เบนายูน น.77,5)

ข่าวจาก Soccersuck.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น