Everton 0 – 2 Liverpool

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หงส์แดงมาแล้ว!บุกทุบทอฟฟี่นิ่มๆ2-0




ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มยังไม่แน่นอนเท่าไหร่ แต่ว่าเกมนี้กลับเป็นทีมเยือนที่มีความเฉียบคมมากกว่า และได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะยิงไกลของ มาสเคราโน่ แฉลบ โจเซป โยโบ เปลี่ยนทางเข้าประตู ส่วนลูกที่สองได้จากการซ้ำจ่อๆของ เดิร์ค เค้าท์ ให้ หงส์แดง บุกมาชนะ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ถึงบ้าน 2-0 เก็บสามแต้มสำคัญ




ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ


วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน2552


เอฟเวอร์ตัน 0 - 2 ลิเวอร์พูล

สนาม : กูดิสัน พาร์ค

"ทอฟฟี่" เอฟเวอร์ตัน เปิด กูดิสัน พาร์ค ทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเจ้าบ้านได้ มารูยาน เฟลไลนี่ และ ดินิยาร์ บียาเลตดีนออฟ พ้นแบนกลับมาช่วยทีมได้ ส่วนผู้มาเยือนขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่งที่ไม่ผ่านความฟิต

เริ่มเกมทั้งคู่เปิดเกมรุกเข้าแลกกัน โดยเกมเข้าบอลกันค่อนข้างหนัก และไม่มีโอกาสยิงประตูกันในช่วง 10 นาทีแรก

แต่เมื่อเกมมาถึง น.11 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 เอมิเลียโน่ อินซัว ไหลบอลให้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ยิงจากระยะ 25 หลา บอลไปแฉลบเท้า โจเซฟ โยโบ บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป

ลิเวอร์พูลรอหาจังหวะตอบโต้ได้ดี น.16 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลากบอลไปยิงที่หน้าเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัว ทิม ฮาวเวิร์ด

นาทีถัดมาเอฟเวอร์ตันเกือบได้ประตูตีเสมอ โชโหม่งเช็ดให้บียาเลตดีนออฟยิงโล่งๆ ที่เสาสอง แต่โดนไม่เต็มเท้า บอลจึงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

เอฟเวอร์ตันเป็นฝ่ายครองบอลบุก น.25 ทิม เคฮิลล์ ไหลบอลให้ สตีเว่น พีนาร์ ยิงด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษ แต่บอลไม่เข้ากรอบ

สองนาทีถัดมา เฟลไลนี่โหม่งเช็ดให้โชหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ว่าบอลตรงตัวโฆเซ่ เรน่า

น.32 โชหลุดไปยิงเข้าประตูไปได้ แต่ว่าไม่ได้ประตู เพราะเจ้าตัวไปยืนล้ำหน้าอยู่ก่อน

ลิเวอร์พูลได้ลุ้นบ้างใน น.40 เกล็น จอห์นสัน เติมเกมรุกขึ้นริมเส้นด้านขวา แล้วเปิดบอลมาที่เสาสองให้ เอมิเลียโน่ อินซัว โขกเต็มๆ ที่เสาสอง แต่ฮาวเวิร์ดปัดไว้ได้เหลือเชื่อ

น.42 โชโขกลูกเตะมุมเข้าประตูไปได้ แต่ไม่ได้ประตูอีก เพราะว่าไปยืนล้ำหน้าอยู่เหมือนเดิม หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลบุกมานำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังเอฟเวอร์ตันเปิดฉากบุกใส่ทันที น.58 โชโหม่งตั้งให้พีนาร์ซัดจากระยะ 25หลา โฆเซ่ เรน่า รับบอลกระฉอก แต่ยังตามมาคว้าไว้ได้บนเส้นประตู

เอฟเวอร์ตันแก้เกมในน.66 ส่ง หลุยส์ ซาฮา ลงมาแทน โช

นาทีถัดมาลิเวอร์พูลได้ลุ้น เดิร์ค เค้าท์ แย่งบอลมาได้ที่ริมเส้นด้านขวา แล้วพาบอลมาจ่ายให้ ดาวิด เอ็นก๊อก ยิงในเขตโทษ แต่โยโบพุ่งมาขวางไว้ได้หวุดหวิด

เอฟเวอร์ตันเกือบตีเสมอได้ในน.70 จากลูกฟรีคิก จอห์นนี่ ไฮติงก้า เปิดให้ ทิม เคฮิลล์ โหม่งในเขตโทษ เรน่าปัดออกมาเข้าทางเฟลไลนี่วิ่งเข้าไปยิงซ้ำระยะเผาขน แต่บอลไปติดเรน่าแฉลบออกหลังไปเหลือเชื่อ

น.74 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัว ส่ง ยอสซี่ เบนายูน ลงมาแทนเอ็นก๊อก และอีกสองนาทีถัดมา ส่ง อัลเบิร์ต ริเอร่า ลงมาแทน ฟาบิโอ ออเรลิโอ

ลิเวอร์พูลมานำ 2-0 ในน.80 เจอร์ราร์ดจ่ายบอลคืนหลังให้ริเอร่ายิงจากหน้าเขตโทษ บอลไปติดขาฮาวเวิร์ด กระดอนออกมาเข้าทางเค้าท์ยิงซ้ำเข้าไปง่ายๆ

น.88 ลิเวอร์พูลเกือบได้อีกประตู จากจังหวะโต้กลับ เบนายูนไหลบอลให้ ริเอร่ากดจากหน้าเขตโทษ แต่ฮาวเวิร์ดเซฟไว้ได้ที่เสาแรก หมดเวลาลิเวอร์พูลจึงบุกมาชนะไป 2-0



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด, โทนี่ ฮิบเบิร์ต,โจเซฟ โยโบ, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์, สตีเว่น พีนาร์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บียาเลตดีนออฟ, ทิม เคฮิลล์, โช

ลิเวอร์พูล : โชเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลวา, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ดาวิด เอ็นก๊อก

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หงส์ส่งตอร์-เจิดทะลวง,ทอฟฟี่ปึ๊ก




"ทอฟฟี่" เอฟเวอร์ตัน จะเปิดบ้าน ทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยนัดนี้เจ้าถิ่น จะได้นักเตะตัวสำคัญอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ และ ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ส่วนทีมเยือนยัง ขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่งที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ


เอฟเวอร์ตัน (14) - ลิเวอร์พูล (7)


สนาม : กูดิสัน พาร์ค




เดวิด มอยส์ กุนซือ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน จะมีสภาพทีมที่สมบูรณ์ขึ้นกว่านัดก่อนที่แพ้ ฮัลล์ 2-3 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพราะจะได้สองกองกลางคนสำคัญอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ และ ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ พ้นโทษแบนกลับมาพร้อมกันแล้ว




อย่างไรก็ตาม มอยส์ จะต้องเช็กอาการของ หลุยส์ ซาฮา ที่เจ็บมาจากเกมกับ ฮัลล์ และ แจ็ค ร็อดเวลล์ ที่เจ็บโคนขาหนีบด้วย แต่ข่าวดีคือ สตีเว่น พีนาร์ พร้อมกลับมาลากเลื้อยทำเกมริมเส้นแล้ว หลังบาดเจ็บเข่าหายหน้าหายตาไปร่วม 2 เดือน




แต่ในราย ลีออน ออสแมน (ข้อเท้า), มิเกล อาร์เตต้า (เข่า), ฟิล เนวิลล์ (เข่า), ฟิล จาเกียลก้า (เข่า), วิคเตอร์ อนิเชเบ้ (เข่า) และ เจมส์ วอห์น (เข่า) ยังบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด




ระบบการเล่น 4-5-1 ทิม ฮาวเวิร์ด ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน ลูคัส นีลล์, โจเซฟ โยโบ, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์ แดนกลางมี ทิม เคฮิลล์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, แจ็ค ร็อดเวลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ ส่วนหน้าเป้าหาก หลุยส์ ซาฮา ไม่พร้อม ก็จะเป็น ยาคูบู อเย็กเบนี่




ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง ยังต้องพะวงแค่เรื่องเดียว คือสภาพความฟิตของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เจ็บโคนขาหนีบ แม้จะกลับมาซ้อมเบาๆ ได้แล้วตลอดสัปดาห์ แต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของนักกายภาพบำบัดอย่างใกล้ชิด




อัลเบิร์ต ริเอร่า หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาลงซ้อมได้แล้ว แต่ก็ยังต้องทดสอบความฟิตอยู่ดี ขณะที่ เกล็น จอห์นสัน กับ ยอสซี่ เบนายูน ที่มีอาการบาดเจ็บเมื่อสัปดาห์ก่อน น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ แต่ในราย ไรอัน บาเบล เจ็บข้อเท้า หมดสิทธิ์ลงสนามแน่นอน




นอกจากนี้ ในส่วนของเกมรับยังขาด ฟิลิปป์ เดเก้น แบ็กขวาที่ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว




ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ ลูคัส เลว่า เป็นตัวรับ ส่วนตัวรุกมี เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน หน้าเป้าใช้ เฟร์นานโด ตอร์เรส


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด - ลูคัส นีลล์, โจเซฟ โยโบ, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์ - ทิม เคฮิลล์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, แจ็ค ร็อดเวลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ - หลุยส์ ซาฮา (ยาคูบู อเย็กเบนี่)




ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดาวิด เอ็นก็อก)




ผู้ตัดสิน : อลัน ไวลี่ย์ (ตัดสินเกมพรีเมียร์ลีก 12 นัด ใบเหลือง 37, ใบแดง 3)



ทอฟฟี่สถิติแย่ไม่ชนะหงส์ 5 นัดหลัง




สถิติการพบกันของเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ในช่วงหลัง ปรากฏว่า เอฟเวอร์ตัน ไม่สามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล มาได้ 5 นัดหลังสุดในลีก ซึ่งชัยชนะ 3-0 ที่กูดิสัน พาร์ค เมื่อปี 2006 เป็นชัยชนะครั้งเดียวจาก 9 นัดหลังที่พบกับ หงส์แดง




นอกจากนี้ ยังมีสถิติสุดเดือดบ่งชี้ว่า เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล เป็นคู่ต่อกรที่มีใบแดงปลิวว่อนมากที่สุดถึง 17 ใบ ตลอดการพบกันทุกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก




ผลงานของ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค ฤดูกาลนี้ พวกเขาไม่แพ้ทีมใดในลีกหลังจากพ่าย อาร์เซน่อล ในนัดเปิดฤดูกาลถึง 1-6 ขณะที่ ลิเวอร์พูล แพ้เกมเยือนในลีกไปแล้ว 3 นัด

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ราฟาขอเช็กตอร์เรสวันนี้ก่อนส่งลุยท๊อฟฟี่




เดอะค็อปลุ้นกันสุดๆหลังราฟาเอล เบนิเตซเผยว่ากำลังเช็กฟิตเฟร์นานโด ตอร์เรส กันจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนตัดสินใจว่าจะให้ลงล่าตาข่ายในศึกดาร์บี้ แมทช์ กับเอฟเวอร์ตันในวันอาทิตย์นี้หรือไม่

"เอล นินโญ่"ตัวผลิตสกอร์ความหวังเดียวของ"หงส์แดง"เจ็บขาหนีบจนไม่ได้ลงสนามในเกมที่เสมอเบอร์มิงแฮมและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไล่ไปจนถึงวันที่ชนะเดเบรเซ่นก่อนร่วงแชมเปี้ยนส์ลีก

ล่าสุดเจ้าตัวกลับมาซ้อมแล้วเหลือแค่เบนิเตซเช็กสภาพความพร้อมว่าจะฟิตหรือไม่

"เขากำลังซ็อมกับโค้ชฟิตเนสนะและเราจะทดสอบเขาในวันพรุ่งนี้(วันเสาร์) จากนั้นเราจะดูว่าเขาฟิตทันเตะในวันอาทิตย์หรือไม่"

"ถ้าเขาโอเคนั่นก็หมายความว่าเราคิดว่าเขาเล่นได้ นี่คือเกมใหญ่ เขาอยากลงเล่น"

"มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเอาชนะโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นดาร์บี้ แมทช์ "

"ตำแหน่งในตารางคืออันดับแรกที่ต้องทำให้ดีขึ้น มันจะทำให้ทุกๆคนมีกำลังใจ"

"เรามีความมั่นใจ เราคิดว่าเราสามารถเอาชนะได้"

ราฟายังอารมณ์ดีหลังนักข่าวถามว่ามีแผนจะปราบทีมของเดวิด มอยส์ยังไง"ก็เล่นให้ดีกว่าพวกเขาสิ!"

"มันจะเป็นเกมที่เข้าบอลกันหนัก,ทุกๆคนจะสู้กันสุดตัว เราจะเล่นให้เต็มคุณภาพและทำหน้าที่ของเรา"

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แชมเปี้ยนส์ลีก : เดเบรเซ่น 0 -1 ลิเวอร์พูล




วันพฤหัสมีถ่ายทอดสดฟุตบอลให้ดูแล้วเมื่อ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ตกต่ำสุดขีดหล่นไปเล่นยูโรป้า ลีกที่ประเดิมเปลี่ยนชื่อเป็นปีแรกหลังฟิออเรนติน่าเปิดบ้านเอาชนะลียงทำให้ประตูโทนของดาวิด เอ็นก็อก ไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น

แชมเปี้ยนส์ลีก

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2552

เดเบรเซ่น 0 -1 ลิเวอร์พูล

ประตู : 0-1 เอ็นก็อก น.4

ครึ่งแรก

หลังลิเวอร์พูล นวดอยู่พักนึงแค่ นาทีก็มาขึ้นนำจากจังหวะที่มาสเคราโน ่ เตะมุมสั้นแล้วเคาะให้ออเรลิโอ เปิดบอลโด่งอยู่กลางอากาศเข้าเขตโทษเหมือนจะเล่นยากแต่คาร์ราเกอร์ โขกตรงระยะ 6 หลาลงพื้นเป็นเอ็นก็อก แอบสอดดีดด้วยข้างเท้าบอลกลิ้งชนเสาเข้าไป ทีมเยือนนำแล้ว 1-0

เดเบรเซ่นต้องเป็นฝ่ายไล่บอลเข้าหาอย่างเดียวส่วน"หงส์แดง"เก็บบอลต่อบอลกันได้เนียนกว่าและยิ่งนำเร็วแบบนี้ยิ่งเข้าแท็คติกส์ราฟาเอล เบนิเตซไปอีก

นาที 15 ออเรลิโอ ยิงไกลติดไซด์บอลแป๊กหลุดกรอบแต่ไปเข้าทางเคาท์ ที่ยืนแอบอยู่เสาสองแต่พี่ท่านตกใจบอลลอดดากออกหลังไปเอง

ลิเวอร์พูล เล่นค่อนข้างสบายเพราะเดเบรเซ่นหน้าไม่มีเลยเวลาบอลล้นมาก็จะเก็บกินหมดส่วนเกมรุกก็เคาะเรื่อยๆแต่พอจังหวะสุดท้ายเสียกันไปเองเนื่องจากแนวรับเจ้าถิ่นยืนกันค่อนข้างเยอะ

นาที 28 เอ็นก็อก เกือบยิงลูกสองให้ตัวเองหลังเคาท์ ลากตัดมาหน้าเขตโทษแล้วจ่ายไซด์ก้อยให้แข้งดาวรุ่งฝรั่งเศสจับก่อนแต่งเข้าขวาแล้วยิงบอลก๋องโพเลคซิคล้มตัวปัดก่อนที่กองหลังจะมาเคลียร์ทิ้งออกหลัง

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ฟิออเรนติน่าขึ้นนำลียง 1-0 จากจุดโทษของวาร์กาสโดยที่โฆษกสนามในเกมที่ฮังการีได้ประกาศก้องจนราฟาเอล เบนิเตซหน้าถอดสีทันที

นาที 33 ทีมเยือนเกือบพังง่ายๆหลังบอดนาร์เปิดบอลจากปีกขวาย้อยมาที่จุดนัดพบระยะ 6 หลาแต่รูดอล์ฟโขกไม่เต็มหัวบอลแป๊กออกหลังอย่างน่าเสียดาย

เอ็นก็อก ยิ่งเล่นยิ่งดีนาที เคาท์ ลากตัดเข้าในแล้วฝากบอลให้เจอร์ราร์ด ที่หันหลังพิงตัวประกบตรงหน้าเขตโทษแล้วเหมือนจะเสียจังหวะบอลทะลักไปถึงเอ็นก็อก ที่วิ่งมาซัดอ้อมตัวกองหลังร้อนถึงโพเลคซิคบินปัดสองมือออกหลัง

จากนั้นหมดครึ่งแรกลิเวอร์พูล นำ 1-0 พร้อมสีหน้าหงอยๆของนักเตะ เดินเข้าห้องแต่งตัว

ครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูล เหมือนถูกสั่งมาให้เล่นเพื่อแฟนบอลแม้จะรู้สกอร์ฟิออเรนติน่านำไปแล้วก็ตามเรียกว่าเปิดฉากมาปูพรมยำใหญ่อยู่ข้างเดียวแต่ยังได้แค่เสียวเท่านั้น

นาที 58 ลูคัส แทงบอลให้เจอร์ราร์ด หลุดเข้าไปส่องในกรอบระยะ 8-9 หลาแต่เมสซารอสล้มตัวสไลด์บล็อกทันควัน

จากนั้นนาทีเดียวหลังลูกเตะมุมถูกเคลียร์ไม่ขาด"หงส์แดง"เกือบได้อีกจากจังหวะที่เคาท์ ไหลจากริมกรอบโทษตั้งให้จอห์นสัน ที่ป้ายต่ออีกทอดให้"หัวขิง"ล้มตัวแปด้วยอีซ้ายแต่โพเลซิคล้มตัวปัดได้อีก

เลยหนึ่งชั่วโมงมา 3 นาทีลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูอีกครั้งจากลูกที่เคาท์ เปิดครอสให้ลูคัส กระโดดโขบอลโดนตรงข้างหัวเด้งออกหลังไป ท่าทางค่าพลังหัวยังไม่เยอะเท่าไหร่

นาที 68 แอกเกอร์ ขอมันทิ้งท้ายด้วยคนหลังกระชากฝ่าดงตีนหลบสองแข้งเจ้าถิ่นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วตวัดตบบอลตั้งให้เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงติดไซด์ข้ามคานออกไปแบบน่าเข้าสุดๆ

อีก 7 นาทีต่อมาทีมเยือนได้เสียวอีกจากจังหวะครอสบอลทางปีกขวาของเคาท์ ให้ออเรลิโอ เทคตัวโขกตัดหน้ากองหลังตรงระยะ 7-8 หลาแต่โพเลคซิคล้มตัวรับเข้ามือทันควัน

ก่อนหมดเวลา 9 นาทีลิเวอร์พูล เกือบโดนหลังรูดอล์ฟกระชากขึ้นมาทางกรอบโทษฝั่งขวาแล้วทำท่าเหมือนจะเปิดแต่หลอกยิงมุมแคบที่เสาแรกยังดีที่เรน่า รู้ทันประสานมือชกออกหลังเสียเตะมุม

ช่วงท้ายเกมนักเตะ ลิเวอร์พูล ต้องลงมาช่วยตั้งรับเพราะเดเบรเซ่นเหมือนได้ใจจะเอาแต้มฝากแฟนบอลแถมเกือบ 1-1 แต่ลูกตั้งยิงเหน่งๆของคูลิบาลีย์ตรงจุดโทษแบบไร้ตัวกระกบดันยิงไปตรงตัวเรน่า ที่เซฟด้วยขาเหลือเชื่อและสุดท้ายทำอะไรกันไม่ได้หมดเวลา"หงส์แดง"ชนะหืดจับ 1-0 แต่ตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้สิทธิ์ไปลุยยูโรป้า ลีกอย่างหมองเศร้าสุดๆ

รายชื่อนักเตะ ทั้งสองทีม

เดเบรเซ่น : โพเลคซิค 7,บอดนาร์ 6,เมสซารอส 6,มิยาดินอสกี้ 5,โฟดอร์ 5,เซเลซี่ 5,คิสส์ 5,ซาคาลีย์ 5(คูลิบาลีย์ น.62,5),ซวิตโควิคส์ 5,ลัคซ์โก้ 6,รูดอล์ฟ 7

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6,เกล็น จอห์นสัน 6,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6,เอมิเลียโน่ อินซัว 6,ลูคัส เลว่า 5,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ่ 7,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6(ดอสเซน่า น.88),เดิร์ก เคาท์ 5,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6(อคิลานี่ 90+2),ดาวิด เอ็นก็อก 8 *(เบนายูน น.77,5)

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เบนิเตซชี้ตอร์เรสไม่น่าหายทันฉะทอฟฟี่




ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปนของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ออกมายอมรับว่าอาจจะต้องขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก่ง ลงสนามช่วยทีมในเกมดาร์บี้แมตช์ กับ เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.นี้ เนื่องจากยังไม่น่าจะหายจากอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ

เบนิเตซ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ เดอะ มิร์เรอร์ ของ อังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า "ตอร์เรส ต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพความฟิตกับนักกายภาพเป็นเวลา 3 สัปดาห์ แม้ว่าเราอาจจะเห็นเขาอาการดีขึ้นตลอดเวลา แต่ผมเชื่อว่าใน 10 วันข้างหน้าเขายังไม่พร้อมสำหรับเราแน่"

ด้วยเหตุนี้ทำให้เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม อี นัดวันอังคารที่ 24 พ.ย.นี้ ที่ ลิเวอร์พูล จะต้องเดินทางไปเยือน ฮังการี พบกับ เดเบรเซ่น จะไม่มี ตอร์เรส แน่นอน โดย เบนิเตซ กล่าวว่า "ในอีก 2-3 วันข้างหน้าเราจะตัดสินใจอีกครั้งว่าเขาจะฟิตพอหรือไม่สำหรับเกมที่จะพบกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ในตอนนี้ผมยังไม่อาจจะการันตีอะไรได้เลย"

ลิเวอร์พูล มีโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะต้องตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก และโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็เริ่มเลือนราง หลังจากที่มีคะแนนตามหลัง เชลซี จ่าฝูงอยู่ 13 แต้ม โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาเพิ่งจะทำได้แค่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในบ้าน 2-2

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปรีวิว ลิเวอร์พูล (7) - แมนฯ ซิตี้ (6)




ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง จะพลาดใช้งาน เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปน ที่พักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์จากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ


แต่ข่าวดี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม พร้อมลงสนามเป็นตัวจริงแล้ว เช่นเดียวกับ เกล็น จอห์นสัน และ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่หายเจ็บทั้งหมด


ส่วน ยอสซี่ เบนายูน กับ อัลเบิร์ต ริเอร่า มีลุ้นคืนทีมเช่นกัน หลังบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ามาจากนัดก่อน ขณะที่ อัลแบร์โต้ อควิลานี่ น่าจะเป็นตัวสำรองต่อไป


แนวรับ ฟิลิปป์ เดเก้น ยังติดโทษแบนเหลืออีก 2 นัด แต่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ พ้นโทษแบนกลับมาแล้ว


ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ ลูคัส เลว่า เป็นตัวรับ เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบล หน้าเป้าใช้ ดาวิด เอ็นก็อก


ทางฝั่ง มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ เรือใบสีฟ้า เจอปัญหาในการจัดทัพพอสมควร มาร์ติน เปตรอฟ เจ็บเข่าเป็นรายล่าสุด หมดสิทธิ์ลงสนามเช่นเดียวกับ เนดุม โอนูโอฮา และ เบนจานี่


แกเร็ธ แบร์รี่ น่าจะหายเจ็บโคนขาหนีบ กลับมาคุมแดนกลางทันเวลา ส่วน เคร็ก เบลลามี่ (โคนขาหนีบ) กับ โรบินโญ่ (ข้อเท้า) ต้องรอทดสอบความฟิตก่อนเกมนี้


ระบบการเล่น 4-4-2 เชย์ กิฟเว่น ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้งาน ปาโบล ซาบาเลต้า, โคโล่ ตูเร่, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ แดนกลางมี ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เดอ ย็อง, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ คู่หน้า คาร์ลอส เตเวซ ยืนคู่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบล - ดาวิด เอ็นก็อก
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น - ปาโบล ซาบาเลต้า, โคโล่ ตูเร่, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ - ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เดอ ย็อง, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ - คาร์ลอส เตเวซ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์ (ตัดสินเกมพรีเมียร์ลีก 10 นัด ใบเหลือง 37, ใบแดง 4)


หงส์ไม่แพ้เรือใบในลีก 8 นัดรวด



ลิเวอร์พูล มีผลงานที่ยอดเยี่ยมในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะ หงส์แดง ไม่แพ้ เรือใบสีฟ้า ในพรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 8 นัดแล้ว นับตั้งแต่ที่ กิกี้ มูซัมป้า ยิงประตูชัยในนาทีสุดท้ายให้ ซิตี้ เอาชนะในเดือนเมษายน ปี 2005


สถิติการพบกันตั้งแต่อดีต ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ถึง 74 นัด มากกว่า เรือใบสีฟ้า ที่ชนะ 37 นัดถึงเท่าตัว จากการพบกันทั้งหมด 136 นัด


อย่างไรก็ตาม ผลงานเวลานี้ของ หงส์แดง กำลังย่ำแย่ หลังจากชนะ 7 นัด จาก 9 นัดแรกในทุกรายการ เวลานี้ พวกเขาเอาชนะได้แค่นัดเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 9 นัดในทุกรายการ

โรเก้ หวังพาเรือใบคว่ำหงส์ พิสูจน์ตัว




โรเก้ ซานตา ครูซ ดาวยิงปารากวัยของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ หวังอาศัยช่วงเวลาที่ทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ระส่ำ พาทีมเรือใบสีฟ้าบุกไปเก็บสามคะแนนเต็มจากถิ่นแอนฟิลด์ให้ได้ในเกมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้ และ เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าทีมได้ขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปแล้ว

"ผู้คนพากันพูดว่าเกมนี้คือเกมใหญ่สำหรับพวกเรา ในการที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ถูกเรียกว่า สโมสรใหญ่ แต่มันก็เป็นทีมที่ใหญ่สำหรับลิเวอร์พูล ด้วยเช่นเดียวกัน"

"พวกเขากำลังไล่ตามพวกเรา และ มองดูพวกเราอยู่ในอันดับที่สูงกว่า"

"เป้าหมายหลักของเราคือ การไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก"

"ดังนั้นพวกเราต้องไปเยือนลิเวอร์พูล และพิสูจน์ตัวเองให้ผู้คนเห็นว่า พวกเราสามารถไปแทนที่พวกเขาในตำแหน่งนั้นได้"

"ปีหน้าพวกเราต้องการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้"

ข่าวจาก tribalfootball
เวอร์ชั่นไทยโดย นายน้อยแห่งแอนฟิลด์ www.liverpool.in.th

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลูคัสรับเล่นให้หงส์กดดันกว่าแซมบ้า




ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์แซมบ้า รับตามตรง ยามลงสนามให้ ลิเวอร์พูล กดดันกว่าตอนโชว์เพลงแข้งให้ บราซิล เยอะ เหตุ "หงส์แดง" กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ขณะที่ "เซเลเซา" ตัวปลิว ผ่านเข้าไปเล่นใน เวิลด์ คัพ 2010 รอบสุดท้าย เรียบร้อยแล้ว



ลูคัส เลว่า กองกลางบราซิเลียนของ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า รู้สึกถึงความกดดันมากกว่า ยามลงสนามให้ทีมดังแห่งถิ่น เมอร์ซี่ย์ไซด์ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงสนามรับใช้ทีมชาติบราซิล จากรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา


"หงส์แดง" กำลังอยู่ในฟอร์มที่เลวร้าย จากการเอาชนะได้เพียงเกมเดียว จาก 9 นัดล่าสุดรวมทุกรายการ และดูเหมือนว่า ความหวังในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก ของพวกเขา จะลอยหายไปเรียบร้อยแล้ว


ลูคัส กล่าวผ่าน "สปอร์ติ้ง ไลฟ์" เว็บไซต์กีฬาชื่อดังว่า "ผมรู้สึกกดดันเมื่อเล่นให้ บราซิล กับ ลิเวอร์พูล อย่างไรหรือ? ด้วยความสัตย์จริง ความกดดันที่ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้มันเลวร้ายกว่า กับ บราซิล พวกเราผ่านเข้ารอบไปเล่นในฟุตบอลโลกแล้ว เรากดดันเสมอเมื่อลงสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเจอกับ อังกฤษ ซึ่งเป็นทีมยักษ์ใหญ่"


"แต่ใน ลิเวอร์พูล ตอนนี้มันมากกว่า เพราะพวกเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พวกเราต้องผ่านเข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ในตอนนี้ รวมถึงใน พรีเมียร์ลีก เราต้องอยู่ใน 4 อันดับแรกให้ได้ด้วย ผมรู้ว่า ความกดดันที่ ลิเวอร์พูล มันหนัก แต่ตอนนี้เราต้องคิดถึงเกมทีมชาติก่อน และเมื่อเรากลับไป ต้องพยายาม และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ได้"


"แม้ว่าในตอนนี้ ผมอยู่ที่นี่ (กับทีมชาติ) แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีเกี่ยวกับ ลิเวอร์พูล และไม่มีใครที่รู้สึกดีเช่นเดียวกัน แน่นอนว่า ผลการแข่งขันมันไม่ดีที่สุด แต่ผมคิดว่า หากพวกเรารักษาสถาพจิตใจให้เป็นเหมือนเดิมได้ มันก็จะเป็นไปได้ด้วยดี มันเป็นเวลาที่ ลิเวอร์พูล ต้องจับมือกันเข้าไว้" ดาวเตะวัย 22 กะรัต ร่ายยาว

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ราฟากลุ้มอีก!ยูน,ริเอร่าเจ็บพัก1เดือน




ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล แสดงความกังวลกับอาการของ 2 มิดฟิลด์คนสำคัญ อัลเบิร์ต ริเอร่า และ ยอสซี่ เบนายูน หลังจากได้รับบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกในเกมที่เปิดรังแอนฟิลด์ เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ แบบลุ้นเหนื่อย 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนต์ เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา




กุนซือชาวสแปนิช กลับมาอยู่ในสถานการณ์กดดันอีกครั้งหลังจากทีมไม่ชนะคู่แข่ง 4 เกมติดต่อกันในทุกถ้วย และมีผลงานชนะแค่เกมเดียวจาก 9 นัดหลังสุด เปิดเผยว่า ริเอร่า ปีกเลือดกระทิงดุ มีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากำเริบอีกครั้ง เช่นกันกับ เบนายูน ดาวเตะอิสราเอล



"ริเอร่า เจอปัญหาเดียวกับก่อนหน้านี้ บางครั้งนักเตะอาจจะพร้อมลงเล่น แต่ไม่ฟิตเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เราคิดว่าเขาจะเล่นได้ แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็เห็นว่ามันไม่ได้"



"ยอสซี่ ได้รับบาดเจ็บที่เดียวกับ ริเอร่า ผู้เล่นบางคนต้องลงเล่นหลายเกมติดต่อกัน พวกเขาพยายามทำงานอย่างหนัก และมันทำให้คุณเผชิญความเสี่ยงแบบนี้เสมอ ผมคาดว่าทั้ง 2 คนอาจมีอาการฉีกขาด (แดเนียล) แอ็กเกอร์ ก็มีปัญหาที่หลังเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงนัก แค่เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น"


คาดริเอร่า, เบนายูนพักเป็นเดือน



เดลี่ เมล์ แท็บลอยด์ดังแดนผู้ดี คาด อัลเบิร์ต ริเอร่า ปีกสแปนิช กับ ยอสซี่ เบนายูน จอมทัพยิว สองกองกลางคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล น่าจะต้องพักแข้งกันไปไม่ต่ำกว่า 1 เดือน หลังบาดเจ็บจากเกมเสมอ เบอร์มิงแฮม 2-2 เมื่อวันจันทร์



ริเอร่า กับ เบนายูน ต้องถูกถอดออกระหว่างเกมที่แอนฟิลด์ โดย ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือทีมหงส์แดง ต่างมีปัญหาบริเวณเอ็นหลังหัวเข่าเหมือนๆ กัน และคงต้องพักแข้งไปสักระยะ



เดลี่ เมล์ ระบุว่า ริเอร่า กับ เบนายูน จะไม่ได้เล่นแน่นอนในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 21 พ.ย., กับ เอฟเวอร์ตัน วันที่ 29 พ.ย. และเกมสำคัญกับ เดเบรเซน ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงก็ยังไม่แน่ว่า จะฟิตพร้อมเตะกับ แบล็คเบิร์น, ฟิออเรนติน่า และ อาร์เซน่อล ในช่วงเดือน ธ.ค. หรือไม่ด้วย



เบนิเตซ ยังเจอปัญหาต่อเนื่อง เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม ยังไม่เต็มร้อยดี ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงสแปนิช ก็อยู่ในความสุ่มเสี่ยงว่าจะต้องพักแข้งยาวนับเดือน

ลูคัสโวหงส์พลิกชะตากลับมาเฮได้แน่




ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล รับไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันที่ทีมไม่ชนะ "ตราลูกโลก" เบอร์มิงแฮม ซิตี้ หลังทำได้เพียงเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอ 2-2 เมื่อวันจันทร์ แต่ยังมั่นใจ ฟอร์มที่ไล่บี้ทีมเยือนอยู่ข้างเดียวแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีทัศนคติที่จะพลิกสถานการณ์ในฤดูกาลนี้กลับมา




ลูคัส เลว่า ห้องเครื่องชาวบราซิเลียนของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกโรงแสดงความมั่นใจว่า ฟอร์มที่พวกเขาไล่ยำ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายไล่เจ๊า 2-2 ที่ แอนฟิลด์ ในเกมลีกนัดมันเดย์ ไนท์ ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถพลิกฟอร์มที่ตกลงไปหลายนัด ให้กลับมาบินสูงอีกครั้งได้

นัดนี้ "หงส์แดง" ครอบเกมบุกอยู่ข้างเดียว แต่ต้องอาศัยลูกจุดโทษในช่วงท้ายเกมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เพื่อแบ่งแต้ม หลังจากประตูของ คริสเตียน เบนิเตซ และ คาเมร่อน เจอโรม พลิกสถานการณ์ทำให้ "ตราลูกโลก" แซงนำ 2-1 หลังจากโดน ดาวิด เอ็นก็อก ยิงขึ้นนำให้เจ้าบ้านไปก่อน

"เรากำลังถามตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่ชนะในหลายๆ นัด แต่บางครั้งคุณก็ไม่มีคำตอบ เราสร้างโอกาสมากมาย เราครอบครองบอลไว้ได้หมด และ ทำแทบทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อชนะแมตช์ฟุตบอลสักแมตช์ เราเล่นด้วยความกระตือรือร้น และ คุณภาพตลอด 90 นาที เราพยายามอย่างเต็มที่ แต่ประตูที่ 3 ก็ไม่ยอมเข้าประตูเอาเสียเลย"

"เท่าที่เราทำได้ คือฝึกซ้อมให้หนัก พยายามกันต่อไป และ เปลี่ยนสถานการณ์โดยเร็วที่สุด เราต้องมองในด้านบวกไว้ บางทีช่วงพักเบรกเกมทีมชาติอาจช่วยเรา เราจะได้นักเตะบางคนกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และหวังว่าทุกคนจะฟิตสมบูรณ์เพื่อลงเล่นในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ลูคัส กล่าวอย่างมีความหวังกับนัดต่อไปในวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายนนี้

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ซันจิก13 การตัดสินใจสุดห่วยของราฟา




เดอะซันมาอีกแล้วคราวนี้ขุดเรื่องเก่าๆต่อการตัดสินใจอันผิดพลาดที่โจ้งแจ้งที่สุดของราฟาเอล เบนิเตซในสนามมาตอกย้ำความห่วยแตกต่อ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ในช่วงนี้

1.ใช้มาร์ติน สเคอร์เทล เป็นแบ็คขวาในเยือนมิดเดิลสโบรห์ปรากฏวิ่งเป็นหมาจนรั่วก่อนพ่ายในที่สุด

2.ไม่สามารถรั้งชาบี้ อลอนโซ ่ เนื่องจากมีแผลในใจหลังเคยพยายามจะขายให้ยูเวนตุสจนสุดท้ายระเห็จไปเรอัล มาดริดจนทำให้ผลงานของทีมหลุดโลกไปเลย

3.เบนิเตซปฏิเสธที่จะดึงไมเคิ่ล โอเว่นกลับมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ทั้งๆที่ไม่เสียเงินซื้อแม้แต่เพนนีเดียวแถมในช่วงนั้นกองหน้าที่มีชื่อก็เหลือแค่เฟร์นานโด ตอร์เรส คนเดียวเท่านั้น

4.ขายปีเตอร์ เคราช์ให้ปอร์ทสมัธเมื่อปีก่อนโดยหอกร่างเปรตมีสถิติ การยิงประตูที่พอใช้ยิง 54 ประตูจากการลงสนาม 132 นัด

5.เลือกใช้งานอังเดร โวโรนิน ในเกมเสมอลียงเมื่อวันพุธและหอกยูเครเนียนตอบแทนเอลบอสด้วยผลงานสุดขายขี้หน้าประชาชีรวมไปถึงลูกหลุดเดี่ยวยิงไปตรงตัวผู้รักษาประตูหรือที่ชาวบ้านเรียกลูกยิงไล่โค้ช

6.ไม่สามารถซื้อกองหน้าฝีเท้าดีมาเพิ่มโดยที่ไรอัน บาเบิ้ล และผองเพื่อนไม่ติดฝุ่น

7.ลิเวอร์พูล เหมือนเป็นกังวลในเรื่องความพ่ายแพ้มากกว่าชนะ เหมือนอย่างเกมที่บุกเสียท่าฟูแล่ม 3-1

8.เสียปาโก้ อาเยสเตรานมือขวาผู้รู้ใจหลักมีปัญหาส่วนตัว

9.ซื้อร็อบบี้ คีน มาจากสเปอร์สด้วยราคาเขย่าโลก 20 ล้านปอนด์ก่อนขายคืนอีกครึ่งปีต่อมาชนิดขาดทุนย่อยยับในราคา 8 ล้านปอนด์

10.ทำเก๋าให้เฟร์นานโด ตอร์เรส นั่งสำรองอยู่นาน 60 นาทีในเกมบุกเยือนสโต๊คก่อนเสมอ 0-0 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

11.ในปี 2007 เมื่อ"หงส์แดง"ต้องการประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศราฟายังให้เคราช์และเบลลามี่นั่งยิ้มอยู่ที่ม้านั่งสำรองอย่างพิลึก

12.ไปเสียท่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันด้วยการถือโพยตอบโต้ในห้องแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราวและแม้ข้อเท็จจริงจะได้รับการเห็นด้วยแต่จังหวะและช่วงเวลาที่ออกมาเล่นลิเกครั้งนี้เลวร้ายอย่างที่สุด

13.เปลี่ยนเอายอสซี่ เบนายูน ที่เล่นดีที่สุดในสนามออกในเกมพบลียงที่แอนฟิลด์จนถูกเดอะค็อปโห่ไล่กันทั้งสนาม

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แชมเปี้ยนส์ลีก : ลียง 1-1 ลิเวอร์พูล




"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล สวรรค์ล่มท้ายเกมหลังเจอลิซานโดรซัดตีเสมอในนาทีสุดท้ายทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไรอัน บาเบิ้ล อุตสาห์ยิงลูกสุดสวยขึ้นนำทำให้สถานการณ์ตอนนี้โคม่าสุดๆเพราะมีแค่ 4 แต้มต้องเอาชนะ 2 นัดที่เหลือแล้วต้องไปแช่งชาวบ้านอีกต่างหาก

แชมเปี้ยนส์ลีก

ครึ่งแรก

โอกาสแรกในเกมนี้กลายเป็นของลียงตามคาดเมื่อบาสตอสได้บอลหน้ากรอบโทษเห็นไม่มีใครเข้าเลยส่องด้วยอีซ้ายยังดีพอบอลพุ่งตรงตัวเรน่า ที่ล้มตัวรับเข้าซองพอดี

ลียงเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าตามเชิงเจ้าบ้านส่วนลิเวอร์พูล ดูแล้วน่าเป็นห่วงเพราะจากทรงบอลเวลาสวนกลับบอลไม่สามารถพักที่แดนกลางได้เพราะจะต้องส่งคืนหลังและตอร์เรส กลายเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารักอีกเช่นเคย

แต่พูดไม่ทันขาดคำนาที 12 "หงส์แดง"เกือบขึ้นนำจากลูกที่อินซิวเปิดบอลจากปีกซ้ายเลียดเข้าเขตโทษบอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นนิดนึงลูคัส วิ่งเลยทำให้ตอร์เรส สบโอกาสซัดด้วยอีซ้ายในกรอบบอลตรงตัวลอริสที่ล้มตัวเซฟด้วยขานิดเดียว

ทีมเยือนบุกน้อยแต่มาแต่ละทีเสียวทั้งนั้นโดยอีก 5 นาทีต่อมาอินซัว คนเดิมเปิดบอลจากปีกซ้ายแบบแป๊กๆเคาท์ สไลด์จั่วลมทำให้เบนายูน ตกใจจับบอลลั่นกระดอนลอยสูงจนสุดท้ายไอกไตรกีฬาสับขายิงทันทีแต่ลอริสยังไวทะยานปัดมือเดียวข้ามคานสุดยอด

นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสโคตรจะแจ้งจากลูกหลุดเดี่ยวชายสี่หมี่เกี๊ยวคนเดียวโล่งๆของโวโรนิน หลุดเข้าถึงกรอบเขตโทษมีเวลาเหลือเฟือแต่ยิงไปตรงตัวติดเซฟขาบลอริสซะงั้น งานนี้เรน่า ที่อยู่อีกฝั่งของสนามโวยวายเพื่อนเป็นการใหญ่

"หงส์แดง"เริ่มเป็นฝ่ายครองเกมเข้าทำใส่ลียงมากขึ้นเรื่อยๆแต่ปัญหาตอนนี้คือจังหวะสวนกลับของลียงทีมเยือนมักลงท้ายด้วยการทำฟาว์ลบ่อยครั้งซึ่งเป็นแบบนี้ต่อไปอาจทยอยเจอใบเหลืองไปเรื่อยๆโดยดาเนี่ยล แอกเกอร์ โดนไปก่อนแล้ว

ครึ่งหลัง
เกมเปิดแลกกันสนุกแล้วเพราะลิเวอร์พูล ก็พยายามจะเอาประตูให้ได้ส่วนลียงจ้องสวนกลับโดยใช้โกมิสยืนค้ำหน้าตัวเดียว

ตอร์เรส ถูกใช้งานหนักหน่วงมากกเพราะเป็นผู้เล่น คนเดียวร่วมกับยอสซี่ เบนายูน ที่มีความสามารถเฉพาะตัวในการลากผ่านผู้เล่น ฝ่ายครงข้ามทำให้เวลาได้บอลจะเจอรุมทึ้ง 2-3 คนน่วมกันไป

นาที 68 ลิเวอร์พูล เกือบขึ้นนำและเป็นลูคัส ที่เกือบทดแทนบุญคุณพ่อได้ซักทีแต่ลูกวิ่งเข้าไปแปซัดเหน่งๆในกรอบตรงระยะ 7-8 หลาติดเซฟลอริสที่ยกมือปัดก่อนที่เคาท์ จะตีลังกายิงแต่เบาไปทำให้กองหลังมาสกัดไว้บนเส้นนิดเดียว

เกมรับของลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความห่วยแตกเมื่อคีย์เกียกอสโขกแล้วบอลย้อยอยู่หน้าเขตโทษตัวเองและแทนที่จะปล่อยให้แอกเกอร์ เล่นดันวิ่งมาโขกย้อนจะคืนให้เรน่า กลายเป็นไปส่งให้ลิซานโดรยิงดีที่ลูกยิงเร็วติดบล็อกเรน่า ที่ผวาออกมาบล็อกทัน

ทีมเยือนบุกเพลินๆนาที เกือบโดนโป้งเดียวจอดเมื่อลิซานโดรได้บอลควบมาหน้าเขตโทษแล้วล็อกหลอกสองเซนเตอร์ที่เข้าพรวดก่อนตัดในแล้วปั่นยิงไซด์ด้วยอีซ้ายบอลโค้งไม่พอออกหลังไปเอง

เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นจนได้เมื่อก่อนหมดเวลา 7 นาทีไรอัน บาเบิ้ล รับบอลจากยอสซี่ เบนายูน ที่ขวางบอลมาให้แล้วจับหนึ่งทีก่อนจังกาก้ากับตัวประกบแล้วโชว์ลูกเก่งคือลากตัดเข้าเท้าขวาหนีกองหลังอีกตัวจนเจอช่องก่อนตะบันยิงไกล 25 หลาบอลพุ่งเป็นกระสุนทะลุมือลอริสเข้าไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล นำ 1-0

สวรรค์ของลิเวอร์พูล ล่มกลางคันหลังในนาทีสุดท้ายจังหวะที่ไม่น่าจะมีอะไรเมื่อคาร์ราเกอร์ เคลียร์ทิ้งไปกลางสนามแต่ถูกบอมบ์เข้ามาใหม่คราวนี้คีย์เกียกอสดันสกัดแล้วล้มทำให้ลิซานโดรหลุดเข้าเขตโทษก่อนกระดกยิงผ่านมือเรน่า เข้าไปตีเสมอ 1-1

หมดเวลาลิเวอร์พูล เสียท่าด้วยประตูนี้ทำให้โอกาสเข้ารอบริบหรี่เต็มทนเพราะ 2 นัดสุดท้ายนอกจากต้องเอาชนะให้ได้แล้วยังต้องแช่งไม่ให้ฟิออเรนติน่าเก็บได้แม้แต่แต้มเดียวอีกต่างหาก

รายชื่อนักเตะ ทั้งสองทีม

ลียง : ฮูโก้ ลอริส 8 *,เฌเรมี่ ตูลาล็อง 6,คริส,อลาย ซิสโซโก้ 7.5,อันโธนีย์ เรวีลเลียร์ - (กาสซาม่า น.18,6),คิม คัลล์สตรอม 5,ฌอง มาคูน 6,บาเฟติมบี้ โกมิส (โกวู น.73,6),มิราเล็ม ยานิช 6(เอเดอร์สัน น.39,6),ลิซานโดร โลเปซ 7,มิเชล เฟอร์นานเดส บาสตอส 6

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 7,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6.5,โซติริส คีย์เกียกอส 6.5,เอมิเลียโน่ อินซัว 6.5,ลูคัส เลว่า 8,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ่ 8,ยอสซี่ เบนายูน 7,เดิร์ก เคาท์ 6,เฟร์นานโด ตอร์เรส 6(เอ็นก็อก น.87),อังเดร โวโรนิน 5(บาเบิ้ล น.68,7.5)

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หงส์มี ตอร์เรส ไร้ สตีวีจี ชี้ชะตา ชปล.กับลียง




ลิเวอร์พูล ได้รับทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกันก่อนลงเตะกับ โอลิมปิก ลียง วันพุธนี้ เพื่อชี้ชะตาเข้ารอบต่อไปในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงคนสำคัญสามารถเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ แต่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

"สตีวีจี" เพิ่งจะลงสนามไปเพียง 25 นาทีตลอด 5 นัดหลังสุด หลังได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาหนีบกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติอังกฤษทำศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดงยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้กัปตันทีมคนเก่งเข้ารับการผ่าตัด

ซึ่งหาก เจอร์ราร์ด จำเป็นต้องขึ้นเขียงจริงจะทำให้หมดสิทธิ์ช่วยทีมดังย่านเมอร์ซีย์ไซด์ประมาณ 1 เดือน นั่นหมายความว่าจะกลับมาลงสนามได้ในช่วงกลางเดือนธันวาคมเลยทีเดียว ขณะที่ในเวลานี้ดาวเตะลูกหม้อแห่งถิ่นแอนฟิลด์กำลังเข้ารับการบำบัดโดยทีมแพทย์ประจำสโมสรอย่างต่อเนื่อง และจะประเมินสภาพร่างกายอีกทีก่อนเกมพรีเมียร์ลีก ที่จะต้อนรับ เบอร์มิงแฮม ซิตี ในวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม ในรายของ ตอร์เรส สามารถเดินทางไปยัง ลียง พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ แม้ว่าจะมีปัญหาบริเวณต้นขาจน "เอล ราฟา" ต้องเปลี่ยนตัวออกมาพักในนัดที่บุกพ่าย ฟูแลม 1-3 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน อัลเบิร์ต ริเอรา (ต้นขา) มาร์ติน เคลลี (ข้อเท้า) และ มาร์ติน สเคอร์เทล (กล้ามเนื้อและติดเชื้อไวรัส) ลงเล่นไม่ได้อย่างแน่นอนแล้ว

ด้าน อัลแบร์โต อาควิลานี กองกลางอิตาเลียนเจ้าของค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) กำลังฟื้นตัวจากอาการไข้หวัดและกลับมาลงซ้อมได้บ้างแล้ว คาดว่าจะมีชื่อลงบู๊กับ โอแอล ด้วย ขณะที่ ดาเนียล แอกเกอร์ (หลัง) เกล็น จอห์นสัน , ฟาบิโอ ออเรลิโอ (น่อง) และ ดาวิด เอ็นก็อก (ข้อเท้า) ยังต้องรอเช็กความฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย