Everton 0 – 2 Liverpool

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตอร์ฮีโร่หงส์!ซัดทดเจ็บดับวิลล่า1-0




เฟร์นานโด ตอร์เรส สวมบทฮีโร่ให้กับพลพรรค "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังบุกไปเชือด "สิงห์ผยอง" แอสตัน วิลล่า ไปแบบสุดแสบในช่วงทดเจ็บ 1-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา


แอสตัน วิลล่า 0 - ลิเวอร์พูล 1

เกมคู่สำคัญที่วิลล่า พาร์ค แอสตัน วิลล่าจำต้องปรับทัพจากเกมแพ้อาร์เซน่อลสองรายโดยใช้งานยอห์น คาริวแทนเอมิล เฮสกี้อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลที่เจ็บขาหนีบ เช่นเดียวกับไนเจล รีโอ โคเกอร์ซึ่งได้เสียบแทนแอชลีย์ ยังซึ่งติดโทษแบน

ด้านหงส์แดงยังขาดฮาเวียร์ มาสเคราโน่ที่โดนพักแข้ง และมีการเปลี่ยนผู้เล่นจากนัดก่อนรายเดียวด้วยการหันกลับไปใช้งานเดิร์ก เคาท์แทนฟาบิโอ ออเรลิโอที่เจ็บน่อง แต่ทั้งนี้พ่อค้าแข้งแซมบ้ายังมีชื่อนั่งอยู่ข้างสนาม

เกมเริ่มต้นท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมา แต่ในฐานะเจ้าบ้านวิลล่าเปิดฉากกดดันใส่อาคันตุกะทันที ขณะที่หงส์แดงก็บ่ยั่นเน้นเกมรุกสู้เต็มที่เช่นกัน

กระนั้นก็เป็นเร้ด แมชีนที่เกือบขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 17 เมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรสครองบอลได้หน้าเขตโทษจึงป้ายสั้นๆให้สตีเว่น เจอร์ราร์ดตะบันทันที ทำเอาแบรด ฟรีเดลอดีตนายด่านตาข่ายถิ่นแอนฟิลด์ต้องออกแรงกระโดดปัดให้พ้นคาน

ผ่านมาถึงนาทีที่ 24 วิลล่าก็หาโอกาสได้จากจังหวะที่กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ผ่านบอลจากกราบขวามาหน้าเขตโทษให้เจมส์ มิลเนอร์กระทุ้ง แต่ไม่รุนแรงพอที่จะผ่านสองมือของโฆเซ่ เรน่า

จากนั้นในนาทีที่ 30 สิงห์ผยองก็ชวดโอกาสได้เฮอย่างเหลือเชื่อจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของมิลเนอร์ที่ลอยมาเสาไกลโดยเอมิลิอาโน่ อินซัวก่อความผิดพลาดไม่คุมพื้นที่ ทำให้สจ๊วร์ต ดาวนิ่งได้วอลเลย์อย่างถนัดถนี่ระยะหกหลา แต่บอลพุ่งไปตรงตัวให้เรน่าปัดพอดี

จวบจนนาทีที่ 41 ผู้ตัดสินก็มอบใบเหลืองให้ริชาร์ด ดันน์กองหลังวิลล่าข้อหาเข้าอัดใส่ลูคัส เลว่า แต่อีกสองนาทีต่อมากองกลางแซมบ้าของลิเวอร์พูลก็โดนจดชื่อเมื่อทำฟาวล์อั๊กบอนลาฮอร์ ครบ 45 นาทีทั้งคู่จึงกินกันไม่ลงเจ๊ากันไป 0-0

ครึ่งหลัง เกมของทั้งสองฝ่ายยังคงขาดๆเกินๆจึงทำอะไรกันไม่ได้ แต่รวมแล้วเป็นลิเวอร์พูลที่เดินหน้าได้เหนือกว่า

กระทั่งนาทีที่ 63 คาร์ลอส เกยาร์ก็ไปสกัดเจอร์ราร์ดล้มจึงเป็นลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษของเร้ด แมชีนระยะ 30 หลา แต่อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ซัลโวโด่งออกไป

ถัดมาในนาทีที่ 70 วิลล่าก็หวิดออกนำจากลูกวางยาวโต้ขึ้นมาที่เจมี่ คาร์ราเกอร์วิ่งตีคู่ไปกับอั๊กบอนลาฮอร์แล้วสะดุดล้ม จึงเป็นการเปิดทางสะดวกให้กองหน้าผิวสีหลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปเข่นระยะ 12 หลา ทว่าเรน่าปิดเสาแรกมิดชิดจึงปัดทิ้งได้เยี่ยม

และจากลูกเตะมุม ทีมเจ้าถิ่นก็ทิ้งขว้างโอกาสงามไปเองอีกเมื่อคาริวได้โขกเหน่งๆห้าหลา แต่สะบัดหลุดเสาสองออกไป

ขยับมาอีกสองนาที สิงห์ผยองตัดสินใจเปลี่ยนรีโอ โคเกอร์ออกให้มาร์ค อัลไบรท์ตันลงไปแทน ขณะที่ลิเวอร์พูลใช้งานไรอัน บาเบิ้ลแทนอาควิลานี่ในนาทีที่ 78

ช่วงสิบนาทีสุดท้าย วิลล่าส่งสตีฟ ซิดเวลล์ลงไปแทนดาวนิ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ถูกหงส์แดงโหมบุกใส่อย่างหนัก

แต่แล้ว ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลที่กระฉอกมาเข้าทาง ก่อน แตะหนึ่งจังหวะแล้วบรรจงแปด้วยขวาสวนตัว แบร๊ด ฟรีเดล เสียบโคนเสาเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด

จบ 90 นาที แอสตัน วิลล่า แพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้าน 0-1

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แอสตัน วิลล่า : แบร๊ด ฟรีเดล - ลุค ยัง, การ์ลอส กูเอย่าร์, ริชาร์ด ดันน์, สตีเฟ่น วอร์น็อค - ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, เจมส์ มิลเนอร์, สติลิยาน เปตรอฟ, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง - กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์, ยอห์น คาริว
สำรอง: แบร๊ด กูซาน (ผู้รักษาประตู) - สตีฟ ซิดเวลล์, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, นาธาน เดลฟูเนโซ่, ฟาเบียน เดลฟ์, ฮาบิบ เบย์, เจมส์ คอลลินส์

ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว - เดิร์ค เค้าท์, ลูคัส เลยว่า, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, ยอสซี่ เบนายูน - สตีเว่น เจอร์ราร์ด - เฟร์นานโด ตอร์เรส
สำรอง: ดีเอโก้ คาวาเลียรี่ (ผู้รักษาประตู) - ฟาบิโอ ออเรลิโอ, โซติริออส คีร์เกียกอส, ไรอัน บาเบิ้ล, ดาวิด เอ็นก๊อก, เจย์ สเปียริ่ง, มาร์ติน สเคอร์เทล

ผู้ตัดสิน: ลี โปรเบิร์ต

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หงส์ช็อก!ตอร์เรสเผ่นหากวืดตั๋วชปล.




แฟนบอล ลิเวอร์พูล มีหวังช็อกไปตามๆ กัน หลังสื่อจอมแฉเมืองผู้ดีเผย เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่ง เตรียมลาถิ่น แอนฟิลด์ หลังจบซีซั่นนี้ หากไม่สามารถคว้าตั๋วไปลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก คาดมีความเป็นไปได้ เพราะขนาดทีมรักอย่าง แอต.มาดริด ยังเคยเผ่นมาแล้ว



เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปน ของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก สร้างความช็อกให้กับเหล่า "เดอะ ค็อป" เมื่อพร้อมจะย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ หลังจบฤดูกาลนี้ หาก "หงส์แดง"ไม่สามารถทำอันดับไปเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้า ตามรายงานจาก "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" แท็บลอยด์เล่มดังเมืองผู้ดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เคยปัดข้อเสนอก้อนโต 70 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,920 ล้านบาท) ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยื่นซื้อ ตอร์เรส มาแล้ว แต่ล่าสุดมีรายงานว่า "หงส์แดง" อาจต้องจำใจปล่อยดาวยิงสแปนิชออกจากทีม โดยสื่อเมืองผู้ดีเผยว่า แม้ อดีตหัวหอก แอตเลติโก มาดริด จะยังคงรักชีวิตในถิ่นแอนฟิลด์ รวมถึงเพิ่งเรียกความมั่นใจกลับมาจากการเปิดบ้านเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทว่าหากสถานการณ์ของสโมสรตอนจบฤดูกาลยังไม่สู้ดี ก็น่าจะมีสิทธิ์ทำให้ดาวยิงรายนี้เตรียมหาต้นสังกัดใหม่

พร้อมกันนี้ "นิวส์ ออฟ เดอะเวิลด์" ยังวิเคราะห์ว่า ตอร์เรส เคยตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการอำลาทีมรักอย่าง แอต. มาดริด มาค้าแข้งในลีกผู้ดีครั้งหนึ่งแล้ว เนื่องจาก "ตราหมี" ไม่สามารถก้าวไปเบียดแย่งแชมป์ลีกได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวก็น่าจะทำให้เจ้าตัวตัดใจอำลาถิ่น แอนฟิลด์ ได้เช่นกัน

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หงส์ยิ้มงานเบา,ม้าลายดวลอาแจ็กซ์



แฟนบอล "หงส์แดง" ได้ยิ้มกันแก้มปริแน่นอนหลังจากผลการจับสลากรอบ 32 ทีมยูโรปา ลีก ออกมาเจอกับงานไม่หนัก เมื่อต้องเล่นกับ ยูนิเรีย อูร์ซิเซนี่ ทีมจากบัลแกเรีย ขณะที่เพื่อนร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน ต้องพบงานหินอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยอดทีมจากโปรตุเกส ส่วน ยูเวนตุส ต้องเจอกับ อาแจ็กซ์ และ โรม่า ดวลแข้ง พานาธิไนกอส





ผลการจับสลากประกบคู่ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบน็อกเอาต์ 32 ทีมสุดท้าย ที่นียง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาซึ่ง ลิเวอร์พูล ทีมดังของอังกฤษ ที่ตกรอบมาจากแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้เป็นทีมวาง เท่ากับมีโอกาสพบกับทีมแข็งอย่างแชมป์เก่า ชัคเตอร์ โดเนทส์ค, โรม่า, เบนฟิก้า, ยูเวนตุส, โวล์ฟสบวร์ก หรือ บาเลนเซีย ได้

โดย 32 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2009-10 ประกอบด้วยแชมป์กลุ่ม 12 ทีม : อันเดอร์เลชท์,ฮาโปเอล เทลอาวีฟ,โรม่า,ซัลซ์บวร์ก,เบนฟิก้า,พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น,บาเลนเซีย,สปอร์ติ้ง ลิสบอน,กาลาตาซาราย,เฟเนร์บาห์เช่,ชัคเตอร์ โดเนทส์ค,แวร์เดอร์ เบรเมน

รองแชมป์กลุ่ม 12 ทีม : แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ฟูแล่ม, พานาธิไนกอส, คลับ บรูช, เอฟซี โคเปนฮาเก้น, แอธเลติก บิลเบา, อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ลีลล์, ฮัมบูร์ก, บียาร์เรอัล, เอฟเวอร์ตัน, เอฟซี ทเวนเต้

อันดับสามจากรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก 8 ทีม : ยูนิเรีย อูร์ซิเซนี่, ยูเวนตุส, โวล์ฟสบวร์ก, โอลิมปิก มาร์กเซย, ลิเวอร์พูล, รูบิน คาซาน, สตองดาร์ ลีแอช, แอตเลติโก มาดริด



ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบน็อกเอาต์ 32 ทีมสุดท้าย



รูบิน คาซาน (รัสเซีย) พบ ฮาโปเอล เทลอาวีฟ (อิสราเอล)


แอธเลติก บิลเบา (สเปน) พบ อันเดอร์เลชท์ (เบลเยี่ยม)


เอฟซี โคเปนฮาเก้น (นอร์เวย์) พบ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส)


พานาธิไนกอส (กรีซ) พบ โรม่า (อิตาลี)


แอตเลติโก มาดริด (สเปน) พบ กาลาตาซาราย (ตุรกี)


อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) พบ ยูเวนตุส (อิตาลี)


คลับ บรูช (เบลเยี่ยม) พบ บาเลนเซีย (สเปน)


ฟูแล่ม (อังกฤษ) พบ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน)


ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) พบ ยูนิเรีย อูร์ซิเซนี่ (บัลแกเรีย)


ฮัมบูร์ก (เยอรมัน) พบ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (ฮอลแลนด์)


บียาร์เรอัล (สเปน) พบ โวล์ฟสบวร์ก (เยอรมัน)


สตองดาร์ ลีแอช (เบลเยี่ยม) พบ ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย)


เอฟซี ทเวนเต้ (ฮอลแลนด์) พบ แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน)


ลีลล์ (ฝรั่งเศส) พบ เฟเนร์บาห์เช่ (ตุรกี)


เอฟเวอร์ตัน (อังกฤษ) พบ สปอร์ติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส)


แฮร์ธ่า เบอร์ลิน (เยอรมัน) พบ เบนฟิก้า (โปรตุเกส)

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาร์ชาวินฮีโร่ ยิงดับหงส์คาบ้าน 2-1




ราฟาเอล เบนิเตซกุนซือสมองเพชรไฟลนจนตูดแหกไม่ยอมไปซักทีล่าสุดผลงานลิเวอร์พูลห่วยไม่เลิกพ่าย"ปืนใหญ่"คาบ้านทั้งๆที่เคาท์ยิงขึ้นนำก่อนในครึ่งแรกแต่สุดท้ายเสียสองลูกรวดยังแช่อยู่อันดับ 7 และนำหน้าทีมอย่างสโต๊คที่อยู่อันดับ 11 เพียงแค่ 3 คะแนนส่วนลูกทีมอาร์แซน เวนเกอร์ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 3 แล้ว

พรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2552

ลิเวอร์พูล 1-2 อาร์เซนอล

ประตู : 1-0 เคาท์ น.41,1-1 จอห์นสัน น.50,1-2 อาร์ชาวิน น.58

ราฟาเอล เบนิเตซจัดทัพคึกคักเลยทีเดียวหลังได้เฟร์นานโด ตอร์เรสกลับมายืนเป็นกองหน้าอีกครั้งแต่ที่ชัวร์ปึ๊กคือลูคัส เลว่าที่พักเต็มๆเมื่อกลางสัปดาห์กลับมาจับคู่กับฮาเวียร์ มาสเคราโน่อีกครั้งนั่นหมายความว่าอัลแบร์โต้ อาควิลานี่ต้องกลับไปนั่งสำรองตามเดิม

ด้านอาร์เซนอลมีปัญหาผู้เล่นเจ็บเยอะเรียกว่าหน้าเป้าหายเกลี้ยงทั้งฟาน เพอร์ซี่และเบนด์เนอร์ทำให้ต้องใช้แนวรุกตัวเล็กๆอย่างอังเดร อาร์ชาวินและซาเมียร์ นาสรี่โดยมีเชสก์ ฟาเบรกัสเป็นจอมทัพเช่นเดิม

ครึ่งแรก

หงส์กระหน่ำแหลก
"หงส์แดง"เริ่มเกมมาก็ลุยแหลกใส่อาร์เซนอลตามฟอร์มพร้อมเสียงเชียร์ของเดอะค็อปที่ร้องยูวิว เนฟเวอร์ วอล์ก อโลนตั้งแต่ก่อนเขี่ย

"ปืนใหญ่"พยายามใช้การสวนกลับเพราะเจ้าถิ่นกำลังบ้าระห่ำมากแต่ดูเหมือนแนวรับและมิดฟิลด์ตัวรับที่ราฟาเอล เบนิเตซวางหมากมานั้นกำลังทำหน้าที่สกรีนหยุดเกมรุกเพื่อเอาบอลกลับได้ดีอยู่

ช็อกตอร์เรสยิงเน้นๆไม่เข้า
นาที 11 ลิเวอร์พูลน่าจะขึ้นนำอย่างที่สุดหลังจังหวะที่ทีมเยือนบุกอยู่ดีๆเสียบอลทำให้เคาท์ตัดแล้วฝากให้ตอร์เรสทำชิ่งตรงหัวกระโหลกแดนตัวเองกับเจอร์ราร์ดก่อนที่หัวขิงจะกระชากห้อขึ้นมาแล้วปาดตบเร็วให้ตอร์เรสวิ่งมาเข้าฮอร์ตเหน่งๆไร้ตัวประกบในกรอบเขตโทษแต่ตอนยิงเอียงตัวซัดแป๊กไปเข้ามืออัลมูเนียอย่างไม่น่าเชื่อ หายเจ็บไปนานเลยสนิมเกราะ ถ้าเป็นตอนฮ็อตๆไม่น่าเหลือ

หงส์เกือบได้จุดโทษ
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าถิ่นมาอีกแล้วตอร์เรสลากจี้เข้ามาถึงหน้าเขตโทษตรงเยื้องๆฝั่งขวาแล้วปาดแปะให้เจอร์ราร์ดที่วิ่งทำทางก่อนหลุดเข้าเขตโทษแล้วตอนแตกหนีกัลลาส์เหมือนสะดุดจนบอลล้นตัวซึ่งเป็นจังหวะที่กองหลังทีมชาติฝรั่งเศสรวบพอดี กรรมการทำมือให้เล่นต่อ

หัวขิงเทพ
วันนี้เจอร์ราร์ดเล่นดีมาก จ่าบอลแต่ละทีเนียนตาเหมือนเทวดาโดยนาที 21 จังหวะได้บอลตรงกลางสนามแทงไซด์ก้อยตัดหลังตราโอเล่ให้เคาท์วิ่งไปเอาตรงปีกขวาน้ำหนักสุดติ่งก่อนที่แข้งไตรกีฬาจะเอาตัวรอดแล้วแตะต่อให้จอห์นสันกระชากหลุดไปถึงริมกรอบโทษแต่ตอนจ่ายทำได้ไม่ดีติดกองหลัง"ปืนใหญ่"ซะก่อน

หัวขิงซัดติดบล็อก
เจ้าถิ่นยังรับออดอร์บุกมาเรื่อยๆนาที 28 เคาท์ได้บอลในเขตโทษแล้วตบย้อนตั้งให้เจอร์ราร์ดวิ่งมาแปเน้นๆตรงระยะ 14 หลาแต่ติดบล็อกกองหลังอาร์เซนอลอย่างน่าเสียดาย

ปืนรับเหนื่อย
"ปืนใหญ่"ตั้งรับอยู่ข้างเดียวแต่จะเห็นได้ว่ากำลังจ้องเล่นงานในจังหวะสวนกลับและถ้ามีประตูจากลูกทีมอาร์แซน เวนเกอร์เมื่อไหร่ลิเวอร์พูลงานเข้าแน่เพราะตอนนี้ได้แค่ลูกโหมหนักแต่การประสานงานเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายยังไม่ดีพอโดยเฉพาะตอร์เรสที่วูบวาบน่ากลัวแต่หวงบอลเยอะมากเกินไป

นาที 36 นาสรี่ลากบอลขึ้นมาพอเห็นไม่มีใครเข้าเลยตัดสินใจส่องตรงระยะ 20 หลาเศษๆบอลบดปลิ้นออกข้างเสาไป 2-3 หลา

มาแล้ว 1-0 เคาท์ฮีโร่
เกมที่น่าจะจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้แต่แล้วนาที 41 ลิเวอร์พูลมาขึ้นนำสมใจอยากจากจังหวะฟรีคิกไกล 30 กว่าหลาที่เจอร์ราร์ดถูกเดนิลสันใช้ก้นดักทางอัดจนตัวลอยเป็นออเรลิโอที่รับหน้าที่ปั่นบอลไซด์ลอยละลิ่วเข้ามาตรงระยะ 7-8 หลาเป็นลูคัสถอยหลังโขกแต่ไม่โดนทำให้อัลมูเนียเสียจังหวะออกมาชกไม่ดีบอลตกมาที่เคาทืใช้อกพักแล้วยิงดีดๆลอดขาเฟอร์มาเลนที่เข้ามาบล็อกเข้าประตูโดยที่กัลลาส์ยืนคุมเส้นถลำไปดักอีกทาง "หงส์แดง" 1-0

ครึ่งหลัง

เชสก์ทักทายก่อน
อาร์เซนอลลงมาเล่นแบบตั้งใจกว่าครึ่งแรกและแค่ 3 นาทีเชสก์ได้ลูกส้มในกรอบเยื้องฝั่งซ้ายเป็นเชสก์ซัดเต็มข้อลอดขาคาร์ราเกอร์ยังดีที่ไปตรงตัวเรน่าที่รับเข้ามือพอดี

จอห์นสัน Og. เสมอ 1-1
และนาที 50 ลิเวอร์พูลงานเข้าจนได้หลังนาสรี่หลุดขึ้นมาตรงริมกรอบโทษก่อนปาดบอลเลียดมาที่จุดนัดพบบอลแฉลบออเลริโอนิดนึงจนคาร์ราเกอร์ที่วิ่งมาเสาแรกถลำพยายามเอาขาสกัดแต่ไม่ถึงบอลเลยมาถูกขาจอห์นสันที่วิ่งตามวัลค็อตต์ค่อยๆกลิ้งเข้าประตูตัวเอง

อาร์ชาวินตะบันหาย 2-1
เจ้าถิ่นงานเข้าอีกแล้วเพราะอีก 8 นาทีต่อมาต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอย่างไม่น่าเชื่อหลังเชสก์หยอดบอลตรงหน้าเขตโทษเลยมาให้อาร์ชาวินแต่เหมือนจอห์นสันจะเก็บกินเพราะเข้าถึงก่อนแต่ดันไปจับบอลไหลปลิ้นเท้าทำให้อาร์ชาวินพลิกทีนึงแล้วตะบันยิงอย่างว่องบอลพุ่งเป็นหัวกระสุนชนเสาเข้าไปสุดงาม เรน่าได้แต่ยืนมอง อาร์ชาวินกำลังกลับมาหลอน"หงส์แดง"อีกแล้วหลังเคยยิงคนเดียว 4 ประตูเมื่อซีซั่นก่อน

หงส์ใบ้กิน
ลิเวอร์พูลโดนเข้าไปถึงกับช็อตความห้าวในครึ่งแรกหายไปหมด เจอร์ราร์ดและตอร์เรสที่เคยพลิ้วไหวตอนนี้หายไปจากเกมแล้วส่วน"ปืนใหญ่"หันมาเล่นบอลเชิงเคาะสั้นๆให้เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายไล่อย่างเดียวแล้ว

ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูลงัดมวยวัดเข้าสู้แต่เหมือนทีมมีระบบอย่างอาร์เซนอลสามารถต้านเอาไว้ได้ตลอดโดยเฉพาะลูกบอมบ์มั่วซั่วจบเกม"หงส์แดง"แพ้คาบ้าน 2-1 ทำสถิติน่าสะดุ้งชนะแค่ 2 จาก 9 นัดในลีกอยู่อันดับ 11 นำหน้าสโต๊คแค่ 3 แต้มในขณะที่อาร์เซนอลแซงวิลล่าขึ้นไปอยู่ที่สามตามหลังเชลซีแค่ 6 แต้มเท่านั้นพร้อมทำสถิติบุกมาเอาชนะในแอนฟิลด์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 7,เกล็น จอห์นสัน 6(เดเก้น น.82),เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6.5,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 7,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6.5,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 7(อาควิลานี่ น.66,6),ลูคัส เลว่า 6.5,เดิร์ก เคาท์ 7,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6,ยอสซี่ เบนายูน 6(เอ็นก็อน น.79),เฟร์นานโด ตอร์เรส 7

อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย 5,บาคารี่ ซาญ่า 7,วิลเลี่ยม กัลลาส์ 7,โธมัส เฟอร์มาเลน 8.5,อาร์มานด์ ตราโอเร่ 6.5(ซิลแวสตร์ น.87),เชสก์ ฟาเบรกัส 7,อเล็กซานเดอร์ ซง 6.5,เดนิลสัน 7,ธีโอ วัลค็อตต์ 6(ดิยาบี้ น.70,6),อังเดร อาร์ชาวิน 8* (แรมซี่ย์ น.92),ซาเมียร์ นาสรี่ 7

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตอร์เรสคัมแบ็กช่วยหงส์ซดแข้งปืน



เฟร์นานโด ตอร์เรส เตรียมคัมแบ็กตัวจริงช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงทำศึกดาร์บี้แมตช์กับ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่นำทัพมาโดย เชส ฟาเบรกาส และ อังเดร อาร์ชาวิน





ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2552

ลิเวอร์พูล - อาร์เซน่อล

สนาม : แอนฟิลด์

ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง เตรียมส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่ง กลับมาเป็นตัวจริงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ หลังหายเจ็บโคนขาหนีบเป็นที่เรียบร้อย ลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วง 25 นาทีสุดท้ายของเกมชปล. ที่แพ้ ฟิออเรนติน่า 1-2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

แดนกลาง อัลแบร์โต้ อควิลานี่ กองกลางตัวใหม่ ก็พร้อมลงตัวจริงเกมลีกเป็นนัดแรกด้วย หลังประเดิมสนามตั้งแต่ต้นเกมจนถึงนาทีที่ 75 ในเกมชปล. ส่วนในราย ไรอัน บาเบล ปีกความเร็วสูง ต้องรอทดสอบความฟิตจากอาการบาดเจ็บข้อเท้า

อย่างไรก็ตาม ในราย อัลเบิร์ต ริเอร่า, นาบิล เอล ซาร์ (ข้อเท้า) และ มาร์ติน เคลลี่ (ข้อเท้า) ต่างบาดเจ็บไม่มีชื่ออยู่ในทีมทั้งหมด

ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ มานูเอล เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ อัลแบร์โต้ อควิลานี่ เป็นตัวรับ ส่วนตัวรุกมี เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน หน้าเป้าใช้ เฟร์นานโด ตอร์เรส

ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ เดอะ กันเนอร์ส กลายเป็นทีมที่มีนักเตะบาดเจ็บเยอะที่สุดในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว แต่ตัวหลักหลายคนน่าจะผ่านการทดสอบความฟิตลงสนามทันเกมนี้ หลังจากผ่านเกมชปล. เมื่อกลางสัปดาห์ โดยใช้ดาวรุ่งชุดที่ทำศึกคาร์ลิ่ง คัพ ลงสนามทั้งทีม

อเล็กซ์ ซง พ้นโทษแบนกลับมาแล้ว ส่วน เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา (ต้นขา) กับ อาบู ดิยาบี้ (น่อง) ก็น่าจะผ่านการทดสอบความฟิต เช่นเดียวกับ เชส ฟาเบรกาส (หลัง), อังเดร อาร์ชาวิน (ข้อเท้า), ธีโอ วัลค็อตต์ (ข้อเท้า), อาร์กม็องด์ ตราโอเร่ (เอ็นหลังหัวเข่า), วิลเลี่ยม กัลลาส (เอ็นหลังหัวเข่า)

แต่ในราย นิคลาส เบนท์เนอร์ (โคนขาหนีบ), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (ข้อเท้า), โทมัส โรซิชกี้ (โคนขาหนีบ), กาแอล กลิชี่ (หลัง), โยอัน ฌูรู (เข่า), เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ (เอ็นหลังหัวเข่า), คีแรน กิ๊บบ์ส (ข้อเท้า) หมดสิทธิ์คืนสนามทั้งหมด

ระบบการเล่น 4-5-1 มานูเอล อัลมูเนีย ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้ บาการี่ ซานย่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, โธมัส แฟร์มาเล่น, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่ แดนกลางมี ธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, เดนิลสัน, อาบู ดิยาบี้ หน้าเป้าใช้ อังเดร อาร์ชาวิน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อัลแบร์โต้ อควิลานี่ - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน - เฟร์นานโด ตอร์เรส

อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย - บาการี่ ซานย่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, โธมัส แฟร์มาเล่น, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่ - ธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, เดนิลสัน, อาบู ดิยาบี้ - อังเดร อาร์ชาวิน

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หงส์แดงมาแล้ว!บุกทุบทอฟฟี่นิ่มๆ2-0




ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มยังไม่แน่นอนเท่าไหร่ แต่ว่าเกมนี้กลับเป็นทีมเยือนที่มีความเฉียบคมมากกว่า และได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะยิงไกลของ มาสเคราโน่ แฉลบ โจเซป โยโบ เปลี่ยนทางเข้าประตู ส่วนลูกที่สองได้จากการซ้ำจ่อๆของ เดิร์ค เค้าท์ ให้ หงส์แดง บุกมาชนะ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ถึงบ้าน 2-0 เก็บสามแต้มสำคัญ




ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ


วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน2552


เอฟเวอร์ตัน 0 - 2 ลิเวอร์พูล

สนาม : กูดิสัน พาร์ค

"ทอฟฟี่" เอฟเวอร์ตัน เปิด กูดิสัน พาร์ค ทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเจ้าบ้านได้ มารูยาน เฟลไลนี่ และ ดินิยาร์ บียาเลตดีนออฟ พ้นแบนกลับมาช่วยทีมได้ ส่วนผู้มาเยือนขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่งที่ไม่ผ่านความฟิต

เริ่มเกมทั้งคู่เปิดเกมรุกเข้าแลกกัน โดยเกมเข้าบอลกันค่อนข้างหนัก และไม่มีโอกาสยิงประตูกันในช่วง 10 นาทีแรก

แต่เมื่อเกมมาถึง น.11 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 เอมิเลียโน่ อินซัว ไหลบอลให้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ยิงจากระยะ 25 หลา บอลไปแฉลบเท้า โจเซฟ โยโบ บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป

ลิเวอร์พูลรอหาจังหวะตอบโต้ได้ดี น.16 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลากบอลไปยิงที่หน้าเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัว ทิม ฮาวเวิร์ด

นาทีถัดมาเอฟเวอร์ตันเกือบได้ประตูตีเสมอ โชโหม่งเช็ดให้บียาเลตดีนออฟยิงโล่งๆ ที่เสาสอง แต่โดนไม่เต็มเท้า บอลจึงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

เอฟเวอร์ตันเป็นฝ่ายครองบอลบุก น.25 ทิม เคฮิลล์ ไหลบอลให้ สตีเว่น พีนาร์ ยิงด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษ แต่บอลไม่เข้ากรอบ

สองนาทีถัดมา เฟลไลนี่โหม่งเช็ดให้โชหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ว่าบอลตรงตัวโฆเซ่ เรน่า

น.32 โชหลุดไปยิงเข้าประตูไปได้ แต่ว่าไม่ได้ประตู เพราะเจ้าตัวไปยืนล้ำหน้าอยู่ก่อน

ลิเวอร์พูลได้ลุ้นบ้างใน น.40 เกล็น จอห์นสัน เติมเกมรุกขึ้นริมเส้นด้านขวา แล้วเปิดบอลมาที่เสาสองให้ เอมิเลียโน่ อินซัว โขกเต็มๆ ที่เสาสอง แต่ฮาวเวิร์ดปัดไว้ได้เหลือเชื่อ

น.42 โชโขกลูกเตะมุมเข้าประตูไปได้ แต่ไม่ได้ประตูอีก เพราะว่าไปยืนล้ำหน้าอยู่เหมือนเดิม หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลบุกมานำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังเอฟเวอร์ตันเปิดฉากบุกใส่ทันที น.58 โชโหม่งตั้งให้พีนาร์ซัดจากระยะ 25หลา โฆเซ่ เรน่า รับบอลกระฉอก แต่ยังตามมาคว้าไว้ได้บนเส้นประตู

เอฟเวอร์ตันแก้เกมในน.66 ส่ง หลุยส์ ซาฮา ลงมาแทน โช

นาทีถัดมาลิเวอร์พูลได้ลุ้น เดิร์ค เค้าท์ แย่งบอลมาได้ที่ริมเส้นด้านขวา แล้วพาบอลมาจ่ายให้ ดาวิด เอ็นก๊อก ยิงในเขตโทษ แต่โยโบพุ่งมาขวางไว้ได้หวุดหวิด

เอฟเวอร์ตันเกือบตีเสมอได้ในน.70 จากลูกฟรีคิก จอห์นนี่ ไฮติงก้า เปิดให้ ทิม เคฮิลล์ โหม่งในเขตโทษ เรน่าปัดออกมาเข้าทางเฟลไลนี่วิ่งเข้าไปยิงซ้ำระยะเผาขน แต่บอลไปติดเรน่าแฉลบออกหลังไปเหลือเชื่อ

น.74 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัว ส่ง ยอสซี่ เบนายูน ลงมาแทนเอ็นก๊อก และอีกสองนาทีถัดมา ส่ง อัลเบิร์ต ริเอร่า ลงมาแทน ฟาบิโอ ออเรลิโอ

ลิเวอร์พูลมานำ 2-0 ในน.80 เจอร์ราร์ดจ่ายบอลคืนหลังให้ริเอร่ายิงจากหน้าเขตโทษ บอลไปติดขาฮาวเวิร์ด กระดอนออกมาเข้าทางเค้าท์ยิงซ้ำเข้าไปง่ายๆ

น.88 ลิเวอร์พูลเกือบได้อีกประตู จากจังหวะโต้กลับ เบนายูนไหลบอลให้ ริเอร่ากดจากหน้าเขตโทษ แต่ฮาวเวิร์ดเซฟไว้ได้ที่เสาแรก หมดเวลาลิเวอร์พูลจึงบุกมาชนะไป 2-0



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด, โทนี่ ฮิบเบิร์ต,โจเซฟ โยโบ, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์, สตีเว่น พีนาร์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บียาเลตดีนออฟ, ทิม เคฮิลล์, โช

ลิเวอร์พูล : โชเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลวา, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ดาวิด เอ็นก๊อก

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หงส์ส่งตอร์-เจิดทะลวง,ทอฟฟี่ปึ๊ก




"ทอฟฟี่" เอฟเวอร์ตัน จะเปิดบ้าน ทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยนัดนี้เจ้าถิ่น จะได้นักเตะตัวสำคัญอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ และ ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ส่วนทีมเยือนยัง ขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่งที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ


เอฟเวอร์ตัน (14) - ลิเวอร์พูล (7)


สนาม : กูดิสัน พาร์ค




เดวิด มอยส์ กุนซือ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน จะมีสภาพทีมที่สมบูรณ์ขึ้นกว่านัดก่อนที่แพ้ ฮัลล์ 2-3 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพราะจะได้สองกองกลางคนสำคัญอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ และ ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ พ้นโทษแบนกลับมาพร้อมกันแล้ว




อย่างไรก็ตาม มอยส์ จะต้องเช็กอาการของ หลุยส์ ซาฮา ที่เจ็บมาจากเกมกับ ฮัลล์ และ แจ็ค ร็อดเวลล์ ที่เจ็บโคนขาหนีบด้วย แต่ข่าวดีคือ สตีเว่น พีนาร์ พร้อมกลับมาลากเลื้อยทำเกมริมเส้นแล้ว หลังบาดเจ็บเข่าหายหน้าหายตาไปร่วม 2 เดือน




แต่ในราย ลีออน ออสแมน (ข้อเท้า), มิเกล อาร์เตต้า (เข่า), ฟิล เนวิลล์ (เข่า), ฟิล จาเกียลก้า (เข่า), วิคเตอร์ อนิเชเบ้ (เข่า) และ เจมส์ วอห์น (เข่า) ยังบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด




ระบบการเล่น 4-5-1 ทิม ฮาวเวิร์ด ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน ลูคัส นีลล์, โจเซฟ โยโบ, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์ แดนกลางมี ทิม เคฮิลล์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, แจ็ค ร็อดเวลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ ส่วนหน้าเป้าหาก หลุยส์ ซาฮา ไม่พร้อม ก็จะเป็น ยาคูบู อเย็กเบนี่




ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง ยังต้องพะวงแค่เรื่องเดียว คือสภาพความฟิตของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เจ็บโคนขาหนีบ แม้จะกลับมาซ้อมเบาๆ ได้แล้วตลอดสัปดาห์ แต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของนักกายภาพบำบัดอย่างใกล้ชิด




อัลเบิร์ต ริเอร่า หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาลงซ้อมได้แล้ว แต่ก็ยังต้องทดสอบความฟิตอยู่ดี ขณะที่ เกล็น จอห์นสัน กับ ยอสซี่ เบนายูน ที่มีอาการบาดเจ็บเมื่อสัปดาห์ก่อน น่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ แต่ในราย ไรอัน บาเบล เจ็บข้อเท้า หมดสิทธิ์ลงสนามแน่นอน




นอกจากนี้ ในส่วนของเกมรับยังขาด ฟิลิปป์ เดเก้น แบ็กขวาที่ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว




ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ ลูคัส เลว่า เป็นตัวรับ ส่วนตัวรุกมี เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน หน้าเป้าใช้ เฟร์นานโด ตอร์เรส


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด - ลูคัส นีลล์, โจเซฟ โยโบ, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์ - ทิม เคฮิลล์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, แจ็ค ร็อดเวลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ - หลุยส์ ซาฮา (ยาคูบู อเย็กเบนี่)




ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดาวิด เอ็นก็อก)




ผู้ตัดสิน : อลัน ไวลี่ย์ (ตัดสินเกมพรีเมียร์ลีก 12 นัด ใบเหลือง 37, ใบแดง 3)



ทอฟฟี่สถิติแย่ไม่ชนะหงส์ 5 นัดหลัง




สถิติการพบกันของเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ในช่วงหลัง ปรากฏว่า เอฟเวอร์ตัน ไม่สามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล มาได้ 5 นัดหลังสุดในลีก ซึ่งชัยชนะ 3-0 ที่กูดิสัน พาร์ค เมื่อปี 2006 เป็นชัยชนะครั้งเดียวจาก 9 นัดหลังที่พบกับ หงส์แดง




นอกจากนี้ ยังมีสถิติสุดเดือดบ่งชี้ว่า เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล เป็นคู่ต่อกรที่มีใบแดงปลิวว่อนมากที่สุดถึง 17 ใบ ตลอดการพบกันทุกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก




ผลงานของ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค ฤดูกาลนี้ พวกเขาไม่แพ้ทีมใดในลีกหลังจากพ่าย อาร์เซน่อล ในนัดเปิดฤดูกาลถึง 1-6 ขณะที่ ลิเวอร์พูล แพ้เกมเยือนในลีกไปแล้ว 3 นัด

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ราฟาขอเช็กตอร์เรสวันนี้ก่อนส่งลุยท๊อฟฟี่




เดอะค็อปลุ้นกันสุดๆหลังราฟาเอล เบนิเตซเผยว่ากำลังเช็กฟิตเฟร์นานโด ตอร์เรส กันจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนตัดสินใจว่าจะให้ลงล่าตาข่ายในศึกดาร์บี้ แมทช์ กับเอฟเวอร์ตันในวันอาทิตย์นี้หรือไม่

"เอล นินโญ่"ตัวผลิตสกอร์ความหวังเดียวของ"หงส์แดง"เจ็บขาหนีบจนไม่ได้ลงสนามในเกมที่เสมอเบอร์มิงแฮมและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไล่ไปจนถึงวันที่ชนะเดเบรเซ่นก่อนร่วงแชมเปี้ยนส์ลีก

ล่าสุดเจ้าตัวกลับมาซ้อมแล้วเหลือแค่เบนิเตซเช็กสภาพความพร้อมว่าจะฟิตหรือไม่

"เขากำลังซ็อมกับโค้ชฟิตเนสนะและเราจะทดสอบเขาในวันพรุ่งนี้(วันเสาร์) จากนั้นเราจะดูว่าเขาฟิตทันเตะในวันอาทิตย์หรือไม่"

"ถ้าเขาโอเคนั่นก็หมายความว่าเราคิดว่าเขาเล่นได้ นี่คือเกมใหญ่ เขาอยากลงเล่น"

"มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเอาชนะโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นดาร์บี้ แมทช์ "

"ตำแหน่งในตารางคืออันดับแรกที่ต้องทำให้ดีขึ้น มันจะทำให้ทุกๆคนมีกำลังใจ"

"เรามีความมั่นใจ เราคิดว่าเราสามารถเอาชนะได้"

ราฟายังอารมณ์ดีหลังนักข่าวถามว่ามีแผนจะปราบทีมของเดวิด มอยส์ยังไง"ก็เล่นให้ดีกว่าพวกเขาสิ!"

"มันจะเป็นเกมที่เข้าบอลกันหนัก,ทุกๆคนจะสู้กันสุดตัว เราจะเล่นให้เต็มคุณภาพและทำหน้าที่ของเรา"

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แชมเปี้ยนส์ลีก : เดเบรเซ่น 0 -1 ลิเวอร์พูล




วันพฤหัสมีถ่ายทอดสดฟุตบอลให้ดูแล้วเมื่อ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ตกต่ำสุดขีดหล่นไปเล่นยูโรป้า ลีกที่ประเดิมเปลี่ยนชื่อเป็นปีแรกหลังฟิออเรนติน่าเปิดบ้านเอาชนะลียงทำให้ประตูโทนของดาวิด เอ็นก็อก ไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น

แชมเปี้ยนส์ลีก

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2552

เดเบรเซ่น 0 -1 ลิเวอร์พูล

ประตู : 0-1 เอ็นก็อก น.4

ครึ่งแรก

หลังลิเวอร์พูล นวดอยู่พักนึงแค่ นาทีก็มาขึ้นนำจากจังหวะที่มาสเคราโน ่ เตะมุมสั้นแล้วเคาะให้ออเรลิโอ เปิดบอลโด่งอยู่กลางอากาศเข้าเขตโทษเหมือนจะเล่นยากแต่คาร์ราเกอร์ โขกตรงระยะ 6 หลาลงพื้นเป็นเอ็นก็อก แอบสอดดีดด้วยข้างเท้าบอลกลิ้งชนเสาเข้าไป ทีมเยือนนำแล้ว 1-0

เดเบรเซ่นต้องเป็นฝ่ายไล่บอลเข้าหาอย่างเดียวส่วน"หงส์แดง"เก็บบอลต่อบอลกันได้เนียนกว่าและยิ่งนำเร็วแบบนี้ยิ่งเข้าแท็คติกส์ราฟาเอล เบนิเตซไปอีก

นาที 15 ออเรลิโอ ยิงไกลติดไซด์บอลแป๊กหลุดกรอบแต่ไปเข้าทางเคาท์ ที่ยืนแอบอยู่เสาสองแต่พี่ท่านตกใจบอลลอดดากออกหลังไปเอง

ลิเวอร์พูล เล่นค่อนข้างสบายเพราะเดเบรเซ่นหน้าไม่มีเลยเวลาบอลล้นมาก็จะเก็บกินหมดส่วนเกมรุกก็เคาะเรื่อยๆแต่พอจังหวะสุดท้ายเสียกันไปเองเนื่องจากแนวรับเจ้าถิ่นยืนกันค่อนข้างเยอะ

นาที 28 เอ็นก็อก เกือบยิงลูกสองให้ตัวเองหลังเคาท์ ลากตัดมาหน้าเขตโทษแล้วจ่ายไซด์ก้อยให้แข้งดาวรุ่งฝรั่งเศสจับก่อนแต่งเข้าขวาแล้วยิงบอลก๋องโพเลคซิคล้มตัวปัดก่อนที่กองหลังจะมาเคลียร์ทิ้งออกหลัง

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ฟิออเรนติน่าขึ้นนำลียง 1-0 จากจุดโทษของวาร์กาสโดยที่โฆษกสนามในเกมที่ฮังการีได้ประกาศก้องจนราฟาเอล เบนิเตซหน้าถอดสีทันที

นาที 33 ทีมเยือนเกือบพังง่ายๆหลังบอดนาร์เปิดบอลจากปีกขวาย้อยมาที่จุดนัดพบระยะ 6 หลาแต่รูดอล์ฟโขกไม่เต็มหัวบอลแป๊กออกหลังอย่างน่าเสียดาย

เอ็นก็อก ยิ่งเล่นยิ่งดีนาที เคาท์ ลากตัดเข้าในแล้วฝากบอลให้เจอร์ราร์ด ที่หันหลังพิงตัวประกบตรงหน้าเขตโทษแล้วเหมือนจะเสียจังหวะบอลทะลักไปถึงเอ็นก็อก ที่วิ่งมาซัดอ้อมตัวกองหลังร้อนถึงโพเลคซิคบินปัดสองมือออกหลัง

จากนั้นหมดครึ่งแรกลิเวอร์พูล นำ 1-0 พร้อมสีหน้าหงอยๆของนักเตะ เดินเข้าห้องแต่งตัว

ครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูล เหมือนถูกสั่งมาให้เล่นเพื่อแฟนบอลแม้จะรู้สกอร์ฟิออเรนติน่านำไปแล้วก็ตามเรียกว่าเปิดฉากมาปูพรมยำใหญ่อยู่ข้างเดียวแต่ยังได้แค่เสียวเท่านั้น

นาที 58 ลูคัส แทงบอลให้เจอร์ราร์ด หลุดเข้าไปส่องในกรอบระยะ 8-9 หลาแต่เมสซารอสล้มตัวสไลด์บล็อกทันควัน

จากนั้นนาทีเดียวหลังลูกเตะมุมถูกเคลียร์ไม่ขาด"หงส์แดง"เกือบได้อีกจากจังหวะที่เคาท์ ไหลจากริมกรอบโทษตั้งให้จอห์นสัน ที่ป้ายต่ออีกทอดให้"หัวขิง"ล้มตัวแปด้วยอีซ้ายแต่โพเลซิคล้มตัวปัดได้อีก

เลยหนึ่งชั่วโมงมา 3 นาทีลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูอีกครั้งจากลูกที่เคาท์ เปิดครอสให้ลูคัส กระโดดโขบอลโดนตรงข้างหัวเด้งออกหลังไป ท่าทางค่าพลังหัวยังไม่เยอะเท่าไหร่

นาที 68 แอกเกอร์ ขอมันทิ้งท้ายด้วยคนหลังกระชากฝ่าดงตีนหลบสองแข้งเจ้าถิ่นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วตวัดตบบอลตั้งให้เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงติดไซด์ข้ามคานออกไปแบบน่าเข้าสุดๆ

อีก 7 นาทีต่อมาทีมเยือนได้เสียวอีกจากจังหวะครอสบอลทางปีกขวาของเคาท์ ให้ออเรลิโอ เทคตัวโขกตัดหน้ากองหลังตรงระยะ 7-8 หลาแต่โพเลคซิคล้มตัวรับเข้ามือทันควัน

ก่อนหมดเวลา 9 นาทีลิเวอร์พูล เกือบโดนหลังรูดอล์ฟกระชากขึ้นมาทางกรอบโทษฝั่งขวาแล้วทำท่าเหมือนจะเปิดแต่หลอกยิงมุมแคบที่เสาแรกยังดีที่เรน่า รู้ทันประสานมือชกออกหลังเสียเตะมุม

ช่วงท้ายเกมนักเตะ ลิเวอร์พูล ต้องลงมาช่วยตั้งรับเพราะเดเบรเซ่นเหมือนได้ใจจะเอาแต้มฝากแฟนบอลแถมเกือบ 1-1 แต่ลูกตั้งยิงเหน่งๆของคูลิบาลีย์ตรงจุดโทษแบบไร้ตัวกระกบดันยิงไปตรงตัวเรน่า ที่เซฟด้วยขาเหลือเชื่อและสุดท้ายทำอะไรกันไม่ได้หมดเวลา"หงส์แดง"ชนะหืดจับ 1-0 แต่ตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้สิทธิ์ไปลุยยูโรป้า ลีกอย่างหมองเศร้าสุดๆ

รายชื่อนักเตะ ทั้งสองทีม

เดเบรเซ่น : โพเลคซิค 7,บอดนาร์ 6,เมสซารอส 6,มิยาดินอสกี้ 5,โฟดอร์ 5,เซเลซี่ 5,คิสส์ 5,ซาคาลีย์ 5(คูลิบาลีย์ น.62,5),ซวิตโควิคส์ 5,ลัคซ์โก้ 6,รูดอล์ฟ 7

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6,เกล็น จอห์นสัน 6,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6,เอมิเลียโน่ อินซัว 6,ลูคัส เลว่า 5,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ่ 7,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6(ดอสเซน่า น.88),เดิร์ก เคาท์ 5,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6(อคิลานี่ 90+2),ดาวิด เอ็นก็อก 8 *(เบนายูน น.77,5)

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เบนิเตซชี้ตอร์เรสไม่น่าหายทันฉะทอฟฟี่




ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปนของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ออกมายอมรับว่าอาจจะต้องขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก่ง ลงสนามช่วยทีมในเกมดาร์บี้แมตช์ กับ เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.นี้ เนื่องจากยังไม่น่าจะหายจากอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ

เบนิเตซ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ เดอะ มิร์เรอร์ ของ อังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า "ตอร์เรส ต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพความฟิตกับนักกายภาพเป็นเวลา 3 สัปดาห์ แม้ว่าเราอาจจะเห็นเขาอาการดีขึ้นตลอดเวลา แต่ผมเชื่อว่าใน 10 วันข้างหน้าเขายังไม่พร้อมสำหรับเราแน่"

ด้วยเหตุนี้ทำให้เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม อี นัดวันอังคารที่ 24 พ.ย.นี้ ที่ ลิเวอร์พูล จะต้องเดินทางไปเยือน ฮังการี พบกับ เดเบรเซ่น จะไม่มี ตอร์เรส แน่นอน โดย เบนิเตซ กล่าวว่า "ในอีก 2-3 วันข้างหน้าเราจะตัดสินใจอีกครั้งว่าเขาจะฟิตพอหรือไม่สำหรับเกมที่จะพบกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ในตอนนี้ผมยังไม่อาจจะการันตีอะไรได้เลย"

ลิเวอร์พูล มีโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะต้องตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก และโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็เริ่มเลือนราง หลังจากที่มีคะแนนตามหลัง เชลซี จ่าฝูงอยู่ 13 แต้ม โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาเพิ่งจะทำได้แค่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในบ้าน 2-2

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปรีวิว ลิเวอร์พูล (7) - แมนฯ ซิตี้ (6)




ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง จะพลาดใช้งาน เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปน ที่พักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์จากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ


แต่ข่าวดี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม พร้อมลงสนามเป็นตัวจริงแล้ว เช่นเดียวกับ เกล็น จอห์นสัน และ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่หายเจ็บทั้งหมด


ส่วน ยอสซี่ เบนายูน กับ อัลเบิร์ต ริเอร่า มีลุ้นคืนทีมเช่นกัน หลังบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ามาจากนัดก่อน ขณะที่ อัลแบร์โต้ อควิลานี่ น่าจะเป็นตัวสำรองต่อไป


แนวรับ ฟิลิปป์ เดเก้น ยังติดโทษแบนเหลืออีก 2 นัด แต่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ พ้นโทษแบนกลับมาแล้ว


ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้งาน เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ ลูคัส เลว่า เป็นตัวรับ เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบล หน้าเป้าใช้ ดาวิด เอ็นก็อก


ทางฝั่ง มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ เรือใบสีฟ้า เจอปัญหาในการจัดทัพพอสมควร มาร์ติน เปตรอฟ เจ็บเข่าเป็นรายล่าสุด หมดสิทธิ์ลงสนามเช่นเดียวกับ เนดุม โอนูโอฮา และ เบนจานี่


แกเร็ธ แบร์รี่ น่าจะหายเจ็บโคนขาหนีบ กลับมาคุมแดนกลางทันเวลา ส่วน เคร็ก เบลลามี่ (โคนขาหนีบ) กับ โรบินโญ่ (ข้อเท้า) ต้องรอทดสอบความฟิตก่อนเกมนี้


ระบบการเล่น 4-4-2 เชย์ กิฟเว่น ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้งาน ปาโบล ซาบาเลต้า, โคโล่ ตูเร่, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ แดนกลางมี ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เดอ ย็อง, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ คู่หน้า คาร์ลอส เตเวซ ยืนคู่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบล - ดาวิด เอ็นก็อก
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น - ปาโบล ซาบาเลต้า, โคโล่ ตูเร่, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ - ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เดอ ย็อง, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ - คาร์ลอส เตเวซ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์ (ตัดสินเกมพรีเมียร์ลีก 10 นัด ใบเหลือง 37, ใบแดง 4)


หงส์ไม่แพ้เรือใบในลีก 8 นัดรวด



ลิเวอร์พูล มีผลงานที่ยอดเยี่ยมในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะ หงส์แดง ไม่แพ้ เรือใบสีฟ้า ในพรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 8 นัดแล้ว นับตั้งแต่ที่ กิกี้ มูซัมป้า ยิงประตูชัยในนาทีสุดท้ายให้ ซิตี้ เอาชนะในเดือนเมษายน ปี 2005


สถิติการพบกันตั้งแต่อดีต ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ถึง 74 นัด มากกว่า เรือใบสีฟ้า ที่ชนะ 37 นัดถึงเท่าตัว จากการพบกันทั้งหมด 136 นัด


อย่างไรก็ตาม ผลงานเวลานี้ของ หงส์แดง กำลังย่ำแย่ หลังจากชนะ 7 นัด จาก 9 นัดแรกในทุกรายการ เวลานี้ พวกเขาเอาชนะได้แค่นัดเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 9 นัดในทุกรายการ

โรเก้ หวังพาเรือใบคว่ำหงส์ พิสูจน์ตัว




โรเก้ ซานตา ครูซ ดาวยิงปารากวัยของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ หวังอาศัยช่วงเวลาที่ทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ระส่ำ พาทีมเรือใบสีฟ้าบุกไปเก็บสามคะแนนเต็มจากถิ่นแอนฟิลด์ให้ได้ในเกมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้ และ เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าทีมได้ขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปแล้ว

"ผู้คนพากันพูดว่าเกมนี้คือเกมใหญ่สำหรับพวกเรา ในการที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ถูกเรียกว่า สโมสรใหญ่ แต่มันก็เป็นทีมที่ใหญ่สำหรับลิเวอร์พูล ด้วยเช่นเดียวกัน"

"พวกเขากำลังไล่ตามพวกเรา และ มองดูพวกเราอยู่ในอันดับที่สูงกว่า"

"เป้าหมายหลักของเราคือ การไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก"

"ดังนั้นพวกเราต้องไปเยือนลิเวอร์พูล และพิสูจน์ตัวเองให้ผู้คนเห็นว่า พวกเราสามารถไปแทนที่พวกเขาในตำแหน่งนั้นได้"

"ปีหน้าพวกเราต้องการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้"

ข่าวจาก tribalfootball
เวอร์ชั่นไทยโดย นายน้อยแห่งแอนฟิลด์ www.liverpool.in.th

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลูคัสรับเล่นให้หงส์กดดันกว่าแซมบ้า




ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์แซมบ้า รับตามตรง ยามลงสนามให้ ลิเวอร์พูล กดดันกว่าตอนโชว์เพลงแข้งให้ บราซิล เยอะ เหตุ "หงส์แดง" กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ขณะที่ "เซเลเซา" ตัวปลิว ผ่านเข้าไปเล่นใน เวิลด์ คัพ 2010 รอบสุดท้าย เรียบร้อยแล้ว



ลูคัส เลว่า กองกลางบราซิเลียนของ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า รู้สึกถึงความกดดันมากกว่า ยามลงสนามให้ทีมดังแห่งถิ่น เมอร์ซี่ย์ไซด์ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงสนามรับใช้ทีมชาติบราซิล จากรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา


"หงส์แดง" กำลังอยู่ในฟอร์มที่เลวร้าย จากการเอาชนะได้เพียงเกมเดียว จาก 9 นัดล่าสุดรวมทุกรายการ และดูเหมือนว่า ความหวังในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก ของพวกเขา จะลอยหายไปเรียบร้อยแล้ว


ลูคัส กล่าวผ่าน "สปอร์ติ้ง ไลฟ์" เว็บไซต์กีฬาชื่อดังว่า "ผมรู้สึกกดดันเมื่อเล่นให้ บราซิล กับ ลิเวอร์พูล อย่างไรหรือ? ด้วยความสัตย์จริง ความกดดันที่ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้มันเลวร้ายกว่า กับ บราซิล พวกเราผ่านเข้ารอบไปเล่นในฟุตบอลโลกแล้ว เรากดดันเสมอเมื่อลงสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเจอกับ อังกฤษ ซึ่งเป็นทีมยักษ์ใหญ่"


"แต่ใน ลิเวอร์พูล ตอนนี้มันมากกว่า เพราะพวกเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พวกเราต้องผ่านเข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ในตอนนี้ รวมถึงใน พรีเมียร์ลีก เราต้องอยู่ใน 4 อันดับแรกให้ได้ด้วย ผมรู้ว่า ความกดดันที่ ลิเวอร์พูล มันหนัก แต่ตอนนี้เราต้องคิดถึงเกมทีมชาติก่อน และเมื่อเรากลับไป ต้องพยายาม และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ได้"


"แม้ว่าในตอนนี้ ผมอยู่ที่นี่ (กับทีมชาติ) แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีเกี่ยวกับ ลิเวอร์พูล และไม่มีใครที่รู้สึกดีเช่นเดียวกัน แน่นอนว่า ผลการแข่งขันมันไม่ดีที่สุด แต่ผมคิดว่า หากพวกเรารักษาสถาพจิตใจให้เป็นเหมือนเดิมได้ มันก็จะเป็นไปได้ด้วยดี มันเป็นเวลาที่ ลิเวอร์พูล ต้องจับมือกันเข้าไว้" ดาวเตะวัย 22 กะรัต ร่ายยาว

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ราฟากลุ้มอีก!ยูน,ริเอร่าเจ็บพัก1เดือน




ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล แสดงความกังวลกับอาการของ 2 มิดฟิลด์คนสำคัญ อัลเบิร์ต ริเอร่า และ ยอสซี่ เบนายูน หลังจากได้รับบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกในเกมที่เปิดรังแอนฟิลด์ เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ แบบลุ้นเหนื่อย 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนต์ เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา




กุนซือชาวสแปนิช กลับมาอยู่ในสถานการณ์กดดันอีกครั้งหลังจากทีมไม่ชนะคู่แข่ง 4 เกมติดต่อกันในทุกถ้วย และมีผลงานชนะแค่เกมเดียวจาก 9 นัดหลังสุด เปิดเผยว่า ริเอร่า ปีกเลือดกระทิงดุ มีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากำเริบอีกครั้ง เช่นกันกับ เบนายูน ดาวเตะอิสราเอล



"ริเอร่า เจอปัญหาเดียวกับก่อนหน้านี้ บางครั้งนักเตะอาจจะพร้อมลงเล่น แต่ไม่ฟิตเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เราคิดว่าเขาจะเล่นได้ แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็เห็นว่ามันไม่ได้"



"ยอสซี่ ได้รับบาดเจ็บที่เดียวกับ ริเอร่า ผู้เล่นบางคนต้องลงเล่นหลายเกมติดต่อกัน พวกเขาพยายามทำงานอย่างหนัก และมันทำให้คุณเผชิญความเสี่ยงแบบนี้เสมอ ผมคาดว่าทั้ง 2 คนอาจมีอาการฉีกขาด (แดเนียล) แอ็กเกอร์ ก็มีปัญหาที่หลังเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงนัก แค่เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น"


คาดริเอร่า, เบนายูนพักเป็นเดือน



เดลี่ เมล์ แท็บลอยด์ดังแดนผู้ดี คาด อัลเบิร์ต ริเอร่า ปีกสแปนิช กับ ยอสซี่ เบนายูน จอมทัพยิว สองกองกลางคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล น่าจะต้องพักแข้งกันไปไม่ต่ำกว่า 1 เดือน หลังบาดเจ็บจากเกมเสมอ เบอร์มิงแฮม 2-2 เมื่อวันจันทร์



ริเอร่า กับ เบนายูน ต้องถูกถอดออกระหว่างเกมที่แอนฟิลด์ โดย ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือทีมหงส์แดง ต่างมีปัญหาบริเวณเอ็นหลังหัวเข่าเหมือนๆ กัน และคงต้องพักแข้งไปสักระยะ



เดลี่ เมล์ ระบุว่า ริเอร่า กับ เบนายูน จะไม่ได้เล่นแน่นอนในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 21 พ.ย., กับ เอฟเวอร์ตัน วันที่ 29 พ.ย. และเกมสำคัญกับ เดเบรเซน ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงก็ยังไม่แน่ว่า จะฟิตพร้อมเตะกับ แบล็คเบิร์น, ฟิออเรนติน่า และ อาร์เซน่อล ในช่วงเดือน ธ.ค. หรือไม่ด้วย



เบนิเตซ ยังเจอปัญหาต่อเนื่อง เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม ยังไม่เต็มร้อยดี ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงสแปนิช ก็อยู่ในความสุ่มเสี่ยงว่าจะต้องพักแข้งยาวนับเดือน

ลูคัสโวหงส์พลิกชะตากลับมาเฮได้แน่




ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล รับไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันที่ทีมไม่ชนะ "ตราลูกโลก" เบอร์มิงแฮม ซิตี้ หลังทำได้เพียงเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอ 2-2 เมื่อวันจันทร์ แต่ยังมั่นใจ ฟอร์มที่ไล่บี้ทีมเยือนอยู่ข้างเดียวแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีทัศนคติที่จะพลิกสถานการณ์ในฤดูกาลนี้กลับมา




ลูคัส เลว่า ห้องเครื่องชาวบราซิเลียนของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกโรงแสดงความมั่นใจว่า ฟอร์มที่พวกเขาไล่ยำ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายไล่เจ๊า 2-2 ที่ แอนฟิลด์ ในเกมลีกนัดมันเดย์ ไนท์ ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถพลิกฟอร์มที่ตกลงไปหลายนัด ให้กลับมาบินสูงอีกครั้งได้

นัดนี้ "หงส์แดง" ครอบเกมบุกอยู่ข้างเดียว แต่ต้องอาศัยลูกจุดโทษในช่วงท้ายเกมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เพื่อแบ่งแต้ม หลังจากประตูของ คริสเตียน เบนิเตซ และ คาเมร่อน เจอโรม พลิกสถานการณ์ทำให้ "ตราลูกโลก" แซงนำ 2-1 หลังจากโดน ดาวิด เอ็นก็อก ยิงขึ้นนำให้เจ้าบ้านไปก่อน

"เรากำลังถามตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่ชนะในหลายๆ นัด แต่บางครั้งคุณก็ไม่มีคำตอบ เราสร้างโอกาสมากมาย เราครอบครองบอลไว้ได้หมด และ ทำแทบทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อชนะแมตช์ฟุตบอลสักแมตช์ เราเล่นด้วยความกระตือรือร้น และ คุณภาพตลอด 90 นาที เราพยายามอย่างเต็มที่ แต่ประตูที่ 3 ก็ไม่ยอมเข้าประตูเอาเสียเลย"

"เท่าที่เราทำได้ คือฝึกซ้อมให้หนัก พยายามกันต่อไป และ เปลี่ยนสถานการณ์โดยเร็วที่สุด เราต้องมองในด้านบวกไว้ บางทีช่วงพักเบรกเกมทีมชาติอาจช่วยเรา เราจะได้นักเตะบางคนกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และหวังว่าทุกคนจะฟิตสมบูรณ์เพื่อลงเล่นในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ลูคัส กล่าวอย่างมีความหวังกับนัดต่อไปในวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายนนี้

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ซันจิก13 การตัดสินใจสุดห่วยของราฟา




เดอะซันมาอีกแล้วคราวนี้ขุดเรื่องเก่าๆต่อการตัดสินใจอันผิดพลาดที่โจ้งแจ้งที่สุดของราฟาเอล เบนิเตซในสนามมาตอกย้ำความห่วยแตกต่อ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ในช่วงนี้

1.ใช้มาร์ติน สเคอร์เทล เป็นแบ็คขวาในเยือนมิดเดิลสโบรห์ปรากฏวิ่งเป็นหมาจนรั่วก่อนพ่ายในที่สุด

2.ไม่สามารถรั้งชาบี้ อลอนโซ ่ เนื่องจากมีแผลในใจหลังเคยพยายามจะขายให้ยูเวนตุสจนสุดท้ายระเห็จไปเรอัล มาดริดจนทำให้ผลงานของทีมหลุดโลกไปเลย

3.เบนิเตซปฏิเสธที่จะดึงไมเคิ่ล โอเว่นกลับมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ทั้งๆที่ไม่เสียเงินซื้อแม้แต่เพนนีเดียวแถมในช่วงนั้นกองหน้าที่มีชื่อก็เหลือแค่เฟร์นานโด ตอร์เรส คนเดียวเท่านั้น

4.ขายปีเตอร์ เคราช์ให้ปอร์ทสมัธเมื่อปีก่อนโดยหอกร่างเปรตมีสถิติ การยิงประตูที่พอใช้ยิง 54 ประตูจากการลงสนาม 132 นัด

5.เลือกใช้งานอังเดร โวโรนิน ในเกมเสมอลียงเมื่อวันพุธและหอกยูเครเนียนตอบแทนเอลบอสด้วยผลงานสุดขายขี้หน้าประชาชีรวมไปถึงลูกหลุดเดี่ยวยิงไปตรงตัวผู้รักษาประตูหรือที่ชาวบ้านเรียกลูกยิงไล่โค้ช

6.ไม่สามารถซื้อกองหน้าฝีเท้าดีมาเพิ่มโดยที่ไรอัน บาเบิ้ล และผองเพื่อนไม่ติดฝุ่น

7.ลิเวอร์พูล เหมือนเป็นกังวลในเรื่องความพ่ายแพ้มากกว่าชนะ เหมือนอย่างเกมที่บุกเสียท่าฟูแล่ม 3-1

8.เสียปาโก้ อาเยสเตรานมือขวาผู้รู้ใจหลักมีปัญหาส่วนตัว

9.ซื้อร็อบบี้ คีน มาจากสเปอร์สด้วยราคาเขย่าโลก 20 ล้านปอนด์ก่อนขายคืนอีกครึ่งปีต่อมาชนิดขาดทุนย่อยยับในราคา 8 ล้านปอนด์

10.ทำเก๋าให้เฟร์นานโด ตอร์เรส นั่งสำรองอยู่นาน 60 นาทีในเกมบุกเยือนสโต๊คก่อนเสมอ 0-0 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

11.ในปี 2007 เมื่อ"หงส์แดง"ต้องการประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศราฟายังให้เคราช์และเบลลามี่นั่งยิ้มอยู่ที่ม้านั่งสำรองอย่างพิลึก

12.ไปเสียท่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันด้วยการถือโพยตอบโต้ในห้องแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราวและแม้ข้อเท็จจริงจะได้รับการเห็นด้วยแต่จังหวะและช่วงเวลาที่ออกมาเล่นลิเกครั้งนี้เลวร้ายอย่างที่สุด

13.เปลี่ยนเอายอสซี่ เบนายูน ที่เล่นดีที่สุดในสนามออกในเกมพบลียงที่แอนฟิลด์จนถูกเดอะค็อปโห่ไล่กันทั้งสนาม

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แชมเปี้ยนส์ลีก : ลียง 1-1 ลิเวอร์พูล




"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล สวรรค์ล่มท้ายเกมหลังเจอลิซานโดรซัดตีเสมอในนาทีสุดท้ายทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไรอัน บาเบิ้ล อุตสาห์ยิงลูกสุดสวยขึ้นนำทำให้สถานการณ์ตอนนี้โคม่าสุดๆเพราะมีแค่ 4 แต้มต้องเอาชนะ 2 นัดที่เหลือแล้วต้องไปแช่งชาวบ้านอีกต่างหาก

แชมเปี้ยนส์ลีก

ครึ่งแรก

โอกาสแรกในเกมนี้กลายเป็นของลียงตามคาดเมื่อบาสตอสได้บอลหน้ากรอบโทษเห็นไม่มีใครเข้าเลยส่องด้วยอีซ้ายยังดีพอบอลพุ่งตรงตัวเรน่า ที่ล้มตัวรับเข้าซองพอดี

ลียงเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าตามเชิงเจ้าบ้านส่วนลิเวอร์พูล ดูแล้วน่าเป็นห่วงเพราะจากทรงบอลเวลาสวนกลับบอลไม่สามารถพักที่แดนกลางได้เพราะจะต้องส่งคืนหลังและตอร์เรส กลายเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารักอีกเช่นเคย

แต่พูดไม่ทันขาดคำนาที 12 "หงส์แดง"เกือบขึ้นนำจากลูกที่อินซิวเปิดบอลจากปีกซ้ายเลียดเข้าเขตโทษบอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นนิดนึงลูคัส วิ่งเลยทำให้ตอร์เรส สบโอกาสซัดด้วยอีซ้ายในกรอบบอลตรงตัวลอริสที่ล้มตัวเซฟด้วยขานิดเดียว

ทีมเยือนบุกน้อยแต่มาแต่ละทีเสียวทั้งนั้นโดยอีก 5 นาทีต่อมาอินซัว คนเดิมเปิดบอลจากปีกซ้ายแบบแป๊กๆเคาท์ สไลด์จั่วลมทำให้เบนายูน ตกใจจับบอลลั่นกระดอนลอยสูงจนสุดท้ายไอกไตรกีฬาสับขายิงทันทีแต่ลอริสยังไวทะยานปัดมือเดียวข้ามคานสุดยอด

นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสโคตรจะแจ้งจากลูกหลุดเดี่ยวชายสี่หมี่เกี๊ยวคนเดียวโล่งๆของโวโรนิน หลุดเข้าถึงกรอบเขตโทษมีเวลาเหลือเฟือแต่ยิงไปตรงตัวติดเซฟขาบลอริสซะงั้น งานนี้เรน่า ที่อยู่อีกฝั่งของสนามโวยวายเพื่อนเป็นการใหญ่

"หงส์แดง"เริ่มเป็นฝ่ายครองเกมเข้าทำใส่ลียงมากขึ้นเรื่อยๆแต่ปัญหาตอนนี้คือจังหวะสวนกลับของลียงทีมเยือนมักลงท้ายด้วยการทำฟาว์ลบ่อยครั้งซึ่งเป็นแบบนี้ต่อไปอาจทยอยเจอใบเหลืองไปเรื่อยๆโดยดาเนี่ยล แอกเกอร์ โดนไปก่อนแล้ว

ครึ่งหลัง
เกมเปิดแลกกันสนุกแล้วเพราะลิเวอร์พูล ก็พยายามจะเอาประตูให้ได้ส่วนลียงจ้องสวนกลับโดยใช้โกมิสยืนค้ำหน้าตัวเดียว

ตอร์เรส ถูกใช้งานหนักหน่วงมากกเพราะเป็นผู้เล่น คนเดียวร่วมกับยอสซี่ เบนายูน ที่มีความสามารถเฉพาะตัวในการลากผ่านผู้เล่น ฝ่ายครงข้ามทำให้เวลาได้บอลจะเจอรุมทึ้ง 2-3 คนน่วมกันไป

นาที 68 ลิเวอร์พูล เกือบขึ้นนำและเป็นลูคัส ที่เกือบทดแทนบุญคุณพ่อได้ซักทีแต่ลูกวิ่งเข้าไปแปซัดเหน่งๆในกรอบตรงระยะ 7-8 หลาติดเซฟลอริสที่ยกมือปัดก่อนที่เคาท์ จะตีลังกายิงแต่เบาไปทำให้กองหลังมาสกัดไว้บนเส้นนิดเดียว

เกมรับของลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความห่วยแตกเมื่อคีย์เกียกอสโขกแล้วบอลย้อยอยู่หน้าเขตโทษตัวเองและแทนที่จะปล่อยให้แอกเกอร์ เล่นดันวิ่งมาโขกย้อนจะคืนให้เรน่า กลายเป็นไปส่งให้ลิซานโดรยิงดีที่ลูกยิงเร็วติดบล็อกเรน่า ที่ผวาออกมาบล็อกทัน

ทีมเยือนบุกเพลินๆนาที เกือบโดนโป้งเดียวจอดเมื่อลิซานโดรได้บอลควบมาหน้าเขตโทษแล้วล็อกหลอกสองเซนเตอร์ที่เข้าพรวดก่อนตัดในแล้วปั่นยิงไซด์ด้วยอีซ้ายบอลโค้งไม่พอออกหลังไปเอง

เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นจนได้เมื่อก่อนหมดเวลา 7 นาทีไรอัน บาเบิ้ล รับบอลจากยอสซี่ เบนายูน ที่ขวางบอลมาให้แล้วจับหนึ่งทีก่อนจังกาก้ากับตัวประกบแล้วโชว์ลูกเก่งคือลากตัดเข้าเท้าขวาหนีกองหลังอีกตัวจนเจอช่องก่อนตะบันยิงไกล 25 หลาบอลพุ่งเป็นกระสุนทะลุมือลอริสเข้าไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล นำ 1-0

สวรรค์ของลิเวอร์พูล ล่มกลางคันหลังในนาทีสุดท้ายจังหวะที่ไม่น่าจะมีอะไรเมื่อคาร์ราเกอร์ เคลียร์ทิ้งไปกลางสนามแต่ถูกบอมบ์เข้ามาใหม่คราวนี้คีย์เกียกอสดันสกัดแล้วล้มทำให้ลิซานโดรหลุดเข้าเขตโทษก่อนกระดกยิงผ่านมือเรน่า เข้าไปตีเสมอ 1-1

หมดเวลาลิเวอร์พูล เสียท่าด้วยประตูนี้ทำให้โอกาสเข้ารอบริบหรี่เต็มทนเพราะ 2 นัดสุดท้ายนอกจากต้องเอาชนะให้ได้แล้วยังต้องแช่งไม่ให้ฟิออเรนติน่าเก็บได้แม้แต่แต้มเดียวอีกต่างหาก

รายชื่อนักเตะ ทั้งสองทีม

ลียง : ฮูโก้ ลอริส 8 *,เฌเรมี่ ตูลาล็อง 6,คริส,อลาย ซิสโซโก้ 7.5,อันโธนีย์ เรวีลเลียร์ - (กาสซาม่า น.18,6),คิม คัลล์สตรอม 5,ฌอง มาคูน 6,บาเฟติมบี้ โกมิส (โกวู น.73,6),มิราเล็ม ยานิช 6(เอเดอร์สัน น.39,6),ลิซานโดร โลเปซ 7,มิเชล เฟอร์นานเดส บาสตอส 6

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 7,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6.5,โซติริส คีย์เกียกอส 6.5,เอมิเลียโน่ อินซัว 6.5,ลูคัส เลว่า 8,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ่ 8,ยอสซี่ เบนายูน 7,เดิร์ก เคาท์ 6,เฟร์นานโด ตอร์เรส 6(เอ็นก็อก น.87),อังเดร โวโรนิน 5(บาเบิ้ล น.68,7.5)

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หงส์มี ตอร์เรส ไร้ สตีวีจี ชี้ชะตา ชปล.กับลียง




ลิเวอร์พูล ได้รับทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกันก่อนลงเตะกับ โอลิมปิก ลียง วันพุธนี้ เพื่อชี้ชะตาเข้ารอบต่อไปในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงคนสำคัญสามารถเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ แต่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

"สตีวีจี" เพิ่งจะลงสนามไปเพียง 25 นาทีตลอด 5 นัดหลังสุด หลังได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาหนีบกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติอังกฤษทำศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดงยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้กัปตันทีมคนเก่งเข้ารับการผ่าตัด

ซึ่งหาก เจอร์ราร์ด จำเป็นต้องขึ้นเขียงจริงจะทำให้หมดสิทธิ์ช่วยทีมดังย่านเมอร์ซีย์ไซด์ประมาณ 1 เดือน นั่นหมายความว่าจะกลับมาลงสนามได้ในช่วงกลางเดือนธันวาคมเลยทีเดียว ขณะที่ในเวลานี้ดาวเตะลูกหม้อแห่งถิ่นแอนฟิลด์กำลังเข้ารับการบำบัดโดยทีมแพทย์ประจำสโมสรอย่างต่อเนื่อง และจะประเมินสภาพร่างกายอีกทีก่อนเกมพรีเมียร์ลีก ที่จะต้อนรับ เบอร์มิงแฮม ซิตี ในวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม ในรายของ ตอร์เรส สามารถเดินทางไปยัง ลียง พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ แม้ว่าจะมีปัญหาบริเวณต้นขาจน "เอล ราฟา" ต้องเปลี่ยนตัวออกมาพักในนัดที่บุกพ่าย ฟูแลม 1-3 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน อัลเบิร์ต ริเอรา (ต้นขา) มาร์ติน เคลลี (ข้อเท้า) และ มาร์ติน สเคอร์เทล (กล้ามเนื้อและติดเชื้อไวรัส) ลงเล่นไม่ได้อย่างแน่นอนแล้ว

ด้าน อัลแบร์โต อาควิลานี กองกลางอิตาเลียนเจ้าของค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) กำลังฟื้นตัวจากอาการไข้หวัดและกลับมาลงซ้อมได้บ้างแล้ว คาดว่าจะมีชื่อลงบู๊กับ โอแอล ด้วย ขณะที่ ดาเนียล แอกเกอร์ (หลัง) เกล็น จอห์นสัน , ฟาบิโอ ออเรลิโอ (น่อง) และ ดาวิด เอ็นก็อก (ข้อเท้า) ยังต้องรอเช็กความฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หงส์ระริกตอร์เรสฟิต!บุกซดเจ้าสัว




ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

ฟูแล่ม (13) - ลิเวอร์พูล (5)

สนาม : คราเวน ค็อทเทจ / เวลา 22.00 น.

รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือ เจ้าสัวน้อย ยังเจอปัญหาในการจัดทัพเหมือนเดิม ไซม่อน เดวี่ส์ เจ็บเท้ายังต้องรอทดสอบความฟิต ขณะที่ แดนนี่ เมอร์ฟี่ เจ็บเข่าหมดสิทธิ์ลงสนามต่อไป

คากิโช่ ดิ๊คกาคอย กองกลางแอฟริกาใต้ จะติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว ส่วน ดิ๊กสัน เอตูฮู, โทนี่ คัลลิโอ และ เดวิด สต็อคเดล ยังบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด

ระบบการเล่น 4-4-2 มาร์ค ชวาร์เซอร์ ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ จอห์น แพนท์ซิล, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี้ แดนกลางมี เดเมี่ยน ดัฟฟ์, โจนาธาน กรีนนิ่ง, คริส แบร์ด, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ คู่หน้า ดิโอม็องซี่ กามาร่า ยืนคู่ บ็อบบี้ ซาโมร่า

ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง พร้อมปรับทัพมาใช้ชุดใหญ่ลงสนามเต็มสูบ หลังส่งสำรองแพ้ อาร์เซน่อล 1-2 ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบ 4 เมื่อกลางสัปดาห์

เฟร์นานโด ตอร์เรส ฟิตพร้อมลงล่าตาข่าย แต่ในราย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยังต้องรอทดสอบความฟิตจากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ

แดนกลางจะได้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ พ้นโทษแบน 1 นัดกลับมาแล้ว ขณะที่ อัลแบร์โต้ อควิลานี่ ป่วยเป็นไข้ น่าจะพลาดการลงสนามในเกมนี้แน่

ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางตัวรับใช้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ ลูคัส เลว่า ส่วนตัวรุกใช้ เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน หน้าเป้าใช้ เฟร์นานโด ตอร์เรส

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาร์เซอร์ - จอห์น แพนท์ซิล, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี้ - เดเมี่ยน ดัฟฟ์, โจนาธาน กรีนนิ่ง, คริส แบร์ด, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ - ดิโอม็องซี่ กามาร่า, บ็อบบี้ ซาโมร่า
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน - เฟร์นานโด ตอร์เรส

GJ ลั่นไม่หยุดยิงให้หงส์ เป้าหมายคือ 8




สงสัยเห็นแบ็คอีกฝั่งอย่าง เอมิเลียโน่ อินชัว เพิ่งทำประตูสุดสวยมา "GJ" เกล็น จอห์นสัน แบ็คขวาจอมบุกเลยไม่ยอมน้อยหน้าบ้าง ลั่นจะขอไม่ขอหยุดสกอร์เอาไว้ที่ 2 ประตูแน่ในฤดูกาลนี้ เพราะมีเป้าหมายอยู่คือ 8

จอห์นสัน ทำประตูมาแล้ว 2 ประตูในช่วงต้นฤดูกาล นับตั้งแต่ย้ายมาจากปอร์ทสมัธ ซึ่งเจ้าตัวก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำประตูเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ให้กับทีมหงส์แดง

"จนกระทั่งอายุ 14 ผมเคยเล่นเป็นกองหน้ามาก่อน ดังนั้นผมจึงทำประตูได้บ้าง" จีเจ กล่าวกับเวบทางการ

"จากนั้นผมย้ายมาที่ เวสต์แฮม ผมเป็นฟูลแบ็ค และ ผมก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำประตูซักเท่าไหร่ แต่ผมยังคงมีสัญชาติญาณการทำประตูติดตัวอยู่ทุกครั้งนะ เมื่อผมบุกขึ้นไป"

"8 คือจำนวนประตูที่ผมวางเป้าหมายเอาไว้ในฤดูกาลนี้ ดังนั้นผมยังคงต้องการที่จะเพิ่มมันไปให้ถึง"

ข่าวจาก Tribalfootball

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ราฟาเล็งฉกเทย์เลอร์เลื้อยฝั่งซ้าย




แมทธิว เทย์เลอร์ มิดฟิลด์ตัวเก่งทีมโบลตันตกเป็นเป้าใหญ่ของ ราฟาเอล เบนิเตซ เอลบอสแห่งลิเวอร์พูล หมายตาเอามาเสริมแกร่งในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า

"เดอะพีเพิ้ล" หนังสือพิมพ์ชื่อดังเผยว่าท่านราฟายังไม่พอใจเกมรุกปีกซ้ายต้องมีประสิทธิภาพมากกว่านี้และเล็งเห็นประโยชน์จาก เทย์เลอร์ จะช่วยแก้ปัญหาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะ ไม่ติดคัพไทแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย

สำหรับจอมเลื้อยจาก "เดอะทรอตเตอร์ส" โชว์ฟอร์มได้ดีมาโดยตลอดตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วจนได้รับความคาดหมายน่าจะเป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลสิงโตคำรามตะลุยศึกฟุตบอลโลก 2010

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เอ็นโกล์ ปลื้มเหมือนฝัน พังประตูผีแดงให้หงส์




ดาวิด เอ็นก็อก ซูเปอร์ซับดาวรุ่ง เผยความรู้สึกสุดปลื้มเหมือนฝันเลยที่สามารถพังประตูที่สอง ฝัง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด 2- 0 ต่อหน้าแฟน ๆ หงส์แดงได้สำเร็จ หลังถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส ในช่วงท้ายเกม

"มันเป็นคืนที่มหัศจรรย์มากสำหรับผม และ ทีม และ ผมอยากจะบอกว่ามันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมในฐานะนักฟุตบอลเลย"

"ผมเคยฝันมาตลอดว่าจะทำประตูแมนฯ ยูไนเต็ด ให้กับลิเวอร์พูล และ คอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว และ มันเป็นความรู้สึกที่ดีเยี่ยมจริง ๆ"

"ผมขออุทิศประตูนี้ให้กับครอบครัวของผมที่ให้การสนับสนุนผมมาตลอด รวมถึงแฟนบอลลิเวอร์พูล ทุกคน พวกเรารู้ว่าชัยชนะนี้มีความหมายมากแค่ไหนกับแฟนบอลของพวกเรา"

"ผมยังต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมผมทุกคน และ ผู้จัดการทีม ที่เชื่อมั่นในตัวผมมาตลอด"

"พวกเรารู้ว่าเรามีคุณภาพมากพอ เราทำงานร่วมกันหนักมาก และ ผมคิดว่าเราสมควรแล้วกับการเป็นผู้ชนะในเกมนี้"

ข่าวจาก LFC Online
เวอร์ชั่นไทยโดย นายน้อยแห่งแอนฟิลด์

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แชมเปี้ยนส์ ลีก : ลิเวอร์พูล 1 - 2 ลียง



อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วชั่วโมงนี้สำหรับลิเวอร์พูล มื่อล่าสุดพลาดท่าปล่อยให้ลียงบุกมาเอาชนะถึงแอนฟิลด์ 2-1 ทั้งๆที่ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ครึ่งแรกโอกาสตกรอบมีสูงแถมสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมเจ็บจนอาจชวดลงทำศึกเร้ดไฟท์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันอาทิตย์นี้อีกด้วย

แชมเปี้ยนส์ลีก

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2552

ลิเวอร์พูล 1 - 2 ลียง

ประตู : 1-0 เบนายูน น.41,1-1 โกนาล็องส์ น.72,1-2 เดลกาโด้ น.90+1

ครึ่งแรก

เริ่มเกมมา"หงส์แดง"เหมือนจิ้งจอกกระหายเลือดที่ปูพรมบุกเข้าใส่ตามสไตล์และแค่นาทีที่ 3 มาสเคราโน ่ แทงบอลให้เบนายูน พลิกตรงหน้ากรอบโทษแล้วแทงออกซ้ายให้เจอร์ราร์ด ซัดมุมแคบบอลแฉลบกองหลังก่อนพุ่งชนข้างตาข่ายแบบได้เสียว

แต่นาทีที่ 10 ลิเวอร์พูล เกือบงานเข้าหลังซิสโซโก้เปิดบอลจากปีกซ้ายบอลพุ่งแรงมาเข้ากบาลลิซานโดร โลเปซที่เบียดเอาชนะคาร์ราเกอร์ โขกเต็มๆ 6 หลาแต่ดันไปตรงตัวเรน่า ที่คราวนี้ไม่มีบอลชายหาดมาขวางบล็อกบนเส้นเหลือเชื่อ

เกมของลิเวอร์พูล กลับมาแบบเดิมคือลดระดับความห้าวลงมาเพราะลียงเองก็สวนได้น่ากลัวเอามากๆโดยเฉพาะโกวู,คัลส์ตรอม,โลเปว,มาคูนที่กระดูกบอลแข็งโป๊กทำให้ตอนนี้การต่อบอลทำเกมรุกของเจ้าถิ่นติดขัดได้แค่ลำเลียงบอลไปมาเท่านั้น

แต่นาที 25 เดอะค็อปหน้าเสียเลยเพราะราฟาส่งฟาบิโอ ออเรลิโอ มาแทนสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ที่มีอาการบาดเจ็บ แบบนี้น่าเป็นห่วงว่าศึกเร้ดไฟท์วันอาทิตย์นี้จะทันหรือไม่

เกมของเจ้าถิ่นน่าเป็นห่วงมากเพราะเท่ากับย้อนรอยวันเจอฟิออเรนติน่าที่มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมตรงกลางแทบไม่มีเพราะอุดมไปด้วยตัวตัดเกมอย่างลูคัส ,มาสเคราโน ่ รวมทั้งออเรลิโอ ที่เป็นแบ็คและไม่มีความเร็ว เรียกว่างานนี้ต้องอาศัยจังหวะฉาบฉวยอย่างเดียวแล้วเนื่องจากแดนหน้าไม่มีตัวกินเองชงเองอย่างเฟร์นานโด ตอร์เรส

ก่อนหมดเวลา 10 นาทีลิเวอร์พูล น่าจะขึ้นนำสุดๆจากลูกที่มาร์ติน เคลลี ่ เปิดบอลจากริมกรอบโทษบอลล้นไปถึงเส้นหลังออเรลิโอ มาเก็บตกแล้วเปิดครอสให้เคาท์ ได้ยิงแต่ติดบล็อกกองหลังบอลล้นไปถึงมาสเคราโน ่ ที่โหม่งแย่งแพ้แล้วบอลมาเข้าทางเอ็นก็อก ที่ยิงไปติดบล็อกลอริสอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามเกมที่สูสีจนหาโอกาสสวยๆไม่ได้กลายเป็นลิเวอร์พูล ที่มาขึ้นนำจากจังหวะสวนกลับตั้งแต่ในแดนตัวเองบอลไหลออกปีกซ้ายให้ออเรลิโอ ที่ใจยักษ์ตะบันยิงด้วยอีซ้ายทันทีแต่บอลบดเข้ามาตรงระยะ 10 หลาเป็นเคลลี ่ ดาวรุ่งจะยิงแต่แป๊กกลายเป็นหลอกกองหลังทีมเยือนก่อนที่เบนายูน จะจับแล้วยิงยัดแสกหน้านายทวารเข้าไป 1-0 แล้ว

อินซัว ทำพลาดจนถูกลิซานโดรมาเก็บตกแล้วลากขวางหน้าเขตโทษก่อนยิงหักข้อกะให้เสียบอีกเสาแต่เรน่า รู้ทันล้มตัวรับเอาไว้สบายๆ

นาทีสุดท้ายเคลลี ทำเดอะค็อปต้องอึ้งทึ่งเสียวหลังกระชากหลบตัวประกบที่เข้าพรวดตรงปีกขวาก่อนเปิดครอสมาเสาสองน้ำหนักระดับโลกให้ออเรลิโอ เกร็งคอเส้นเลือดขึ้นโขกเต็มๆแค่ 5 หลาแต่ลอริสปัดมือเดียวข้ามคานสุดช็อก

ครึ่งหลัง

ลียงต้องดันสู้เพราะตามแค่ลูกเดียวและเล่นมา 5 นาทีริวิลแยร์เก็บตกบอลที่ถูกเคลียร์ออกมาแต่ลูกยิงอัดเต็มข้อแหกคานออกไปแบบเสียวเล็กน้อย

นาที 55 ลิเวอร์พูล เกือบได้ลูกสองหลังลูกนัวเนียหน้าเขตโทษเป็นเบนายูน ที่มาแงะแล้วป้ายออกริมกรอบโทษให้เคาท์ เปิดย้อยมาที่จุดนัดพบและเป็นปีกยิวที่โขกย้อนศรบอลหลุดข้างเสาเสียวกันทั้งสนาม

อีก 2 นาทีต่อมาเคลลี ่ โชว์พรสวรรค์ด้วยการทำชิ่ง 1-2 กับเบนายูน ก่อนล็อกแล้วเปิดด้วยอีซ้ายเป็นเอ็นก็อก พักอกในกรอบเขตโทษอย่างสวยแต่ตอนยิงดันลนลานรีบยิงด้วยซ้ายบอลแป๊กกระดอนเป็นตัวตุ่นออกหลังไปซะงั้น กล้องจับมาที่เคลลี ่ แจ้งเกิดเต็มตัว

นาที 60 ยังเป็นเจ้าถิ่นที่มีโอกาสอย่างต่อเนื่องและเคาท์ โขกเน้นๆตรงเสาสองระยะ 6-7 หลาแต่ลอริสล้มตัวปัดสองมือออกหลังไปอีก

แต่แล้วนาที 72 "หงส์แดง"ก็ไม่รอดสันดอนถูกตีเสมอจนได้จากจังหวะเตะมุมที่เรน่า ออกมาขกไม่ดีไปเข้าทางแข้งลียงที่ยิงสวนแต่เรน่า วิ่งมาเซฟที่เสาแรกแล้วโชว์เทพใช้ขาเซฟลูกซ้ำจ่อๆของโกมิสตัวสำรองอีกหนแต่โกนาล็องส์มาล้มตัวโขกเผาขน 8 หลาที่อีกเสานึงเคลลี ่ วิ่งมาสกัดไม่ทันเข้าไป 1-1 แล้ว

เกมของลิเวอร์พูล เจ๊งทันทีเพราะลียงหันมาเล่นช้าไม่รีบเพราะนัดหน้าได้เฝ้าบ้านโอกาสเก็บแต้มเป็นเนื้อเป็นหนังเข้ารอบเห็นอยู่รำไรแล้วนาที 85 เดอะค็อปโห่กันเกรียวหลังราฟาเลือกเปลี่ยนเอาโวโรนิน แทนเบนายูน ผู้เล่น ตัวรุกที่ดีที่สุดแทนที่จะเป็นเอ็นก็อก ซึ่งเก็บบอลไม่ได้และไร้ความอันตรายตรงหน้ากรอบประตู สมงสมองไปหมดแล้วราฟา

ช่วงทดเจ็บ"หงส์แดง"ดวงถึงฆาตหลังโกวูพลิกหนีอินซิวตรงปีกซ้ายตั้งแต่กลางสนามก่อนฝากบอลให้คัลลส์ตรอมที่ได้บอลรอจังหวะให้โกวูวิ่งทำทางเข้าเขตโทษก่อนป้ายไหลให้แข้งฝรั่งเศสเปิดเลียดไปเสาสองเป็นเดลกาโด้ตัวสำรองวิงมาแปเผาขนเข้าไปไม่มีเหลือและเป็นชัยชนะของลียง 2-1 ชนะรวด 3 นัดนำจ่าฝูงส่วนลิเวอร์พูล ชนะนัดเดียวมี 3 แต้มและเป็นความพ่ายแพ้ 4 เกมติดทุกรายการของลูกทีมราฟาเอล เบนิเตซ

นอกจากนี้เอลบอสสร้างสถิติ ใหม่ขึ้นมาเมื่อเป็นผู้จัดการทีม"หงส์แดง"คนแรกในรอบ 23 ปีที่นำทีมแพ้รวด 4 นัดติดต่อกันอีกด้วย

รายชื่อนักเตะ ทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6.5,มาร์ติน เคลลี ่ 8.5 *(สเคอร์เทล น.86),เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 7.5,เอมิเลียโน่ อินซัว 6,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ่ 7.5,ลูคัส เลว่า 6.5,เดิร์ก เคาท์ 6.5,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6(ออเรลิโอ น.25,7),ยอสซี่ เบนายูน 8(โวโรนิน น.85),เอ็นก็อก 5(โวโรนิน น.85)

ลียง : ลอริส 7.5,เรวิลแยร์ 7,คริส 6.5(โกนาล็องส์ น.43,7),ตูลาล็อง 7.5,ซิสโซโก้ 7.5,ปานิช 6.5,มาคูน 6.5,คัลลสตอม 8,โกวู 6.5,โลเปซ 7(เดลกาโด้ น.86),เอเดอร์สัน 6(โกมิส น.61,7)

ข่าวจาก Soccersuck.com

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หงส์หมดสต็อค! แฟนอริแห่ซื้อบอลชายหาด




เดอะค็อปขำกันไม่ออกหลังเวบไซต์ "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ประกาศสินค้าเซ็ต"ชายหาด"หมดสต็อค หลังแฟนบอลคู่แข่งมากว้านซื้อกันอย่างเนืองแน่น

ภายหลังเกิดเหตุการณ์บอลแยกร่างจากจังหวะดาร์เรน เบนท์ซัดไปแฉลบ"บอลชายหาด"ที่ใหญ่และลมแน่นกว่าลูกโป่งทั่วไปจนกลายเป็นประตูตัดสินชัยให้ซันเดอร์แลนด์เอาชนะลิเวอร์พูล 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ถัดจากวันนั้นแฟนบอลทีมอื่นๆรีบแห่เข้ามายังเวบไซต์สโมสรเพื่อซื้อสินค้าเซ็ตชายหาที่เหลืออยู่ทันทีโดยในชุดจะมีทั้งถุง,ผ้าเช็ดตัวและแน่นอนลูกบอลชายหาดด้วย

และหลังจากนั้นแล้วทางช็อปออนไลน์ได้ลดราคาสินค้าใหม่ที่แฟนบอลทีมเยือนที่มาแอนฟิลด์ต้องมีจาก 20 ปอนด์เหลือ 10 ปอนด์แต่เซ็ตสิ้นค่ากลับถูกขายเกลี้ยงอย่างรวดเร็วโดยทางเวบระบุว่าสินค้าไม่มีวางขายแล้ว

นาตาลีแฟนบอลจากแมนเชสเตอร์ได้กล่าวกับทางยาฮู ดอท คอมว่า "หนูซื้อเซ็ตนี้ไปแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่มีลูกบอลแบบในเกมซันเดอร์แลนด์ มันมีทางที่จะสั่งซื้อทดแทนกันได้หรือเปล่าค่ะ?"

ส่วนแฟนบอลจากลอนดอนอีกคนกล่าวว่า "นี่คือสินค้าที่แข็งน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยซื้อมาเลยล่ะ มันไม่ใช่แค่สุดยอดไว้ตอนเล่นชายหาดเท่านั้นแต่ยังเอาไปยืนเป็นกองหน้าได้ด้วย"

ทางลิเวอร์พูล ไม่ได้ออกมาให้คอมเมนท์ว่าจะมีเซ็ตชายหาดอีกหรือไม่แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้หลายสโมสรน่าจะหันมาผลิตบอลชายหาดขายแฟนตัวเองตามกระแสกันแน่นอน

ข่าวจาก Soccersuck.com

เชื่อหงส์วืดแชมป์ลีก คอลลีมอร์ แนะต้องไล่ ราฟา




สแตน คอลลีมอร์ อดีตกองหน้า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ชี้ ต้นสังกัดเก่าหมดสิทธิ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2009/10 เป็นแน่ พร้อมแนะต้องปลด ราฟาเอล เบนิเตซ ออกจากตำแหน่งกุนซือ

ความพ่ายแพ้ต่อ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ 0-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ “หงส์แดง” ร่วงไปรั้งอันดับ 8 ด้วยการมีอยู่ 15 คะแนน ตามหลัง "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงห่าง 7 แต้ม เมื่อผ่านการประชันแข้งไป 9 นัด

ซึ่งความบ้อท่าดังกล่าว สแตน คอลลีมอร์ ออกมาแสดงทรรศนะผ่าน "เดอะ มิร์เรอร์" สื่อดังเมืองผู้ดี "ลิเวอร์พูล ไม่มีโอกาสเป็นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ และผมเกรงว่าสโมสรจะเดินถอยหลังไปอีก นอกจากกระทำการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างรวดเร็ว"

"เมื่อวันเสาร์ผมไปอยู่ที่ซันเดอร์แลนด์ และก็ได้เห็นทีมของ ราฟา เบนิเตซ พ่ายแพ้เป็นนัดที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมันทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล หัวเสียอีกครั้ง ผมจึงคิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทันทีทันใด เพื่อกู้สถานการณ์สำหรับฤดูกาลนี้" อดีตหัวหอก ลิเวอร์พูล , แอสตัน วิลลา รวมถึง ทีมชาติอังกฤษ กล่าวต่อ

"แฟนๆ ลิเวอร์พูล เคยวิจารณ์ผมหลังจากที่ผมเปรยว่าทีมของพวกเขามีนักเตะ เพียง 3 คนที่จะสามารถนำทีมเป็นแชมป์ นั่นก็คือ เปเป เรนา , สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วผมไม่เห็น ทั้งนี้ ผมได้เห็นทีมของ เบนิเตซ เล่นกันย่ำแย่ที่สเตเดียม ออฟ ไลท์ ผมไม่เคยเห็นเราเล่นแย่ขนาดนี้มาก่อน การพูดอะไรแบบนี้ใช่ว่าผมพอใจ เพราะผมก็ต้องการเห็น ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ หากเปรียบตอนนี้ ลิเวอร์พูล เสมือนมวยในรุ่นไลท์เวท เมื่อเทียบกับเชลซี ดูเหมือนเป็นการพบกันระหว่างเด็กกับคนหนุ่มเลยก็ว่าได้" คอลลีมอร์ ทิ้งท้าย

สำหรับ เบนิเตซ ซึ่งเคยโดน จอร์จ ยิลเลตต์ เจ้าของทีมร่วมชาวอเมริกันวิจารณ์ในฝีไม้ลายมือ เตรียมเจอกับด่านทดสอบสำคัญใน 2 แมตช์ข้างหน้า เริ่มจากคืนวันอังคารเตรียมเปิดแอนฟิลด์ชน โอลิมปิก ลียง ยอดทีมของฝรั่งเศส ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สาม จากนั้นสุดสัปดาห์ต้องเปิดรังชนแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด อริตลอดกาลในศึกพรีเมียร์ลีก

ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/sport